WHAUPเล็งปิดดีลซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์ม-ลม340MW

ผู้ชมทั้งหมด 868 

WHAUP เล็งปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม-พลังงานลมรวมกำลังการผลิต 340 ในประเทศเวียดนาม คาดปีนี้ขายไฟฟ้าเพิ่มเป็น 670 เมกะวัตต์ ปริมาณจำหน่ายน้ำ 153 ล้านลูกบาศก์เมตรหนุนรายได้ปี 64 มั่นใจโต 25% 

นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจาดีลซื้อกิจการ (M&A) ที่ประเทศเวียดนาม แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 250 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 90 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะได้ขอสรุปภายในปี 2564 อย่างไรก็ตามบริษัทฯตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ที่ 300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566  

โดยการซื้อกิจการนั้นเพื่อมาชดเชยรายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเก็คโก่-วันหลังจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่าย (Availability 10 Payment : AP) ลดลง อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสที่เหลือของปีนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวกลับมาดำเนินงานตามปกติ  ซึ่งการซื้อกิจการนั้นจะสามารถรับรู้เป็นรายได้เข้ามาทันทีหลังจากที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และยังเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับเงินลงทุนซื้อกิจการนั้นไม่ได้รวมอยู่ในงบลงทุนปี 2564 ราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ อาจจะดำเนินการกู้เงินโดยปัจจุบันบริษัทฯ มีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับ 0.88 เท่ายังมีศักยภาพในการกู้เงินที่ระดับ 10,000 – 15,000 ล้านบาท 

ส่วนรายได้รวมในปี 2564 บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายมีรายได้เติบโต 25% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติจำนวน 2,600 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเมื่อปี 2563 อยู่ในระดับ 1,777 ล้านบาท เนื่องจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโซลาร์ฟาร์มเข้ามาเพิ่มในปีนี้เป็น 90 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD ในปี 64 เพิ่มเป็น 670 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ COD อยู่ในระดับ 594 เมกะวัตต์ เติบโตเพิ่มขึ้น 14%

นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำในปี 2564 คาดว่าบริษัทฯ จะมีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำอยู่ที่ 153 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำอยู่ที่ 114 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่ง สาเหตุหลักมาจากความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และมาตรการ lockdown จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำของกลุ่มอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการปกติอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีความต้องการใช้น้ำจากลูกค้ารายใหม่เริ่มทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 เป็นต้นมา