TOP แจง ลุยโครงการCFP โปร่งใส ยึดขั้นตอนกฎหมาย 

ผู้ชมทั้งหมด 228 

ไทยออยล์ แจ้งข้อเท็จจริงต่อ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยัน ดำเนินโครงการพลังงานสะอาด(CFP) ถูกต้องโปร่งใส ผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ขณะที่โครงการฯล่าช้า เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และปัญหาการชำระเงินของผู้รับเหมาช่วง ย้ำพร้อมเดินโครงการฯ ให้เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ระบุว่า นายชัชนัย ปานเพชร ผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยออยล์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ว่าอาจมีการกระทำผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น 

บริษัทฯ ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. โครงการพลังงานสะอาด (“โครงการฯ”) เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ซึ่งการลงทุนในโครงการฯ บริษัทฯ ได้นำเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ พิจารณาและอนุมัติเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ซึ่งในคราวการนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนั้น บริษัทฯ ได้จัดให้มีความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งได้ให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลและประโยชน์ของโครงการฯ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น 

โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 99.91 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนน การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทุกประการ และสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ถือหุ้นในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีผลสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ และการลงทุนในโครงการฯ เป็นมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2561 โดยผ่านกระบวนการพิจารณาและได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ตามรายละเอียดของโครงการฯ ที่นำเสนอในที่ประชุมของผู้ถือหุ้น

2. ความล่าช้าของโครงการฯ เกิดจากปัจจัยภายนอก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และต้องเจรจาแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมกับผู้รับเหมาหลัก กล่าวคือ The Consortium of PSS Netherlands B.V. (Offshore Contractor) และ Unincorporated Joint Venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd. (เดิมชื่อ Samsung Engineering (Thailand) Co., Ltd.), Petrofac South East Asia Pte. Ltd. และ Saipem Singapore Pte. Ltd. (Onshore Contractor)(เรียกรวมกันว่า “UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem”) รวมถึงประเด็นที่ผู้รับเหมาช่วงบางรายได้ยุติการปฏิบัติงานเนื่องจาก UJV – Samsung, Petrofac และ Saipem ไม่ชำระเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับเหมาช่วง 

อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความล่าช้าดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการบริหารจัดการโครงการฯ อย่างดีที่สุด ทั้งในด้านการเจรจาสัญญา การควบคุมต้นทุน และการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการฯ จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการฯ จากรายงานประจำปีและสารสนเทศของบริษัทฯ ที่เผยแพร่ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567

3. บริษัทฯ ขอให้ผู้ที่ได้รับข่าวสารใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวสารที่ได้รับ และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และความเสียหายต่อบริษัทฯ บริษัทฯ ขอยืนยันในความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีบรรษัทภิบาล 

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในความถูกต้องและความเป็นธรรมของกระบวนการทางกฎหมาย