TOPเชื่อครึ่งปีหลังธุรกิจโรงกลั่น-ปิโตรเคมีฟื้นตัว

ผู้ชมทั้งหมด 941 

TOP มองครึ่งปีหลัง 64 ธุรกิจโรงกลั่น ปิโตรเคมี เห็นแววฟื้นตัว คาดหลายประเทศจะมีการฉีด 50-75% หนุนการเดินทางมากขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีเติบโต ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง ค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น

นางสาวทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 คาดว่า ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2564 หลังจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว หลังจากหลายประเทศในยุโรป และสหรัฐอเมริกาได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้จำนวนมากมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และคาดว่าภายในไตรมาส 3 ปีนี้ หลายประเทศจะมีการฉีด 50-75% จะส่งผลให้การติดเชื้อลดลงคนมั่นใจการเดินทางมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลัง TOP คาดว่าจะเฉลี่ยในระดับ 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนค่าการกลั่น (GRM) คาดว่ายังฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 2.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่ส่งผลดีต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่น้ำมันอากาศยาน(เจท) ก็คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเช่นกัน

ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 คาดว่าส่วนต่างราคาพาราไซลีน (PX) และเบนซีน (BZ) อาจอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย จากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาในตลาด ขณะที่ส่วนต่างราคา (สเปรด) BZ ในไตรมาส 1/2564 อยู่ในระดับสูงมากที่ 300 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดังนั้นแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตใหม่ แต่สเปรดก็ยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับความคืบหน้าโครงการพลังงานสะอาด ( Clean Fuel Project: CFP ) ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างแล้ว 67% ตามแผนกำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 จะทำให้บริษัทมีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าไปร่วมทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจโอเลฟินส์ เบื้องต้นอาจเป็นการเข้าถือหุ้นบางส่วนร่วมกับพันธมิตร นอกจากนี้แล้วบริษัทฯยังได้ศึกษาการลงทุนใน High value product (HVP) ด้วยเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจในอนาคต