ผู้ชมทั้งหมด 731
SPCG คาดทั้งปีนี้ รายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ระดับ 4,700 ล้านบาท เหตุสภาพอากาศไม่เอื้อ พร้อมเร่งเครื่องติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้เสร็จภายในไตรมาส 3 ลุ้นเข้าสู่ไฮซีซั่นช่วงไตรมาส 4 ดันกำลังผลิตไฟเพิ่ม ขณะที่โครงการโซลาร์ใน EEC เร่งถมที่ดินหวังเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ ทยอยรับรู้รายได้สิ้นปีถึงต้นปีหน้า
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) SPCG เปิดเผยงาน Oppday Q2/2022 บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) SPCG เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 โดยระบุว่า แนวโน้มผลงานดำเนินงานของบริษัททั้งปีนี้ คาดว่า รายได้ จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ช่วงต้นปี อยู่ที่ระดับ 4,700 ล้านบาท โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 388 ล้านหน่วย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีฝนตกมาก และมีแดดน้อยลง ทำให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ กำลังผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าเป้า 9 ล้านหน่วย
อย่างไรก็ตาม บริษัท จะพยายามผลักดันการผลิตไฟฟ้าในช่วงที่เหลือของปีนี้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงเป้าหมาย หรือ ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย โดยในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนและเข้าสู่ฤดูหนาย ก็คาดหวังว่ากำลังผลิตจะทยอยเพิ่มขึ้นได้
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัท จะเร่งแผนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับลูกค้า ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 เพื่อจะทยอยรับรู้รายได้ทันที หลังจากก่อนหน้านี้ ลูกค้าได้ทยอยแผนการติดตั้ง หลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจากการประเมินสถานการณ์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ก็คาดว่าลูกค้าจะสนใจกลับเข้ามาติดตั้งมากขึ้นได้ โดยปัจจุบัน ในส่วนของโซลาร์รูฟท็อป ได้มีการติดตั้งไปแล้วเกือบ 300 เมกะวัตต์ ในลักษณะที่บริษัทเป็นผู้รับเหมาติดตั้ง ขณะที่ลูกค้าเป็นเจ้าของโครงการ
“ตอนนี้ ยังไม่มีโครงการที่จะ COD เพิ่มเติม ร่วมถึง ดีลการลงทุนใหม่ๆในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังไม่มีเพิ่มเติมเช่นกัน แต่ก็มีการพูดคุยกันบ้าง เช่น โครงการในญี่ปุ่น ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจน โดยหากมีความคืบหน้าเกิดขึ้นก็จะแจ้งให้นักลงทุนรับทราบทันที”
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับใช้ในพื้นที่เมืองใหม่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) กำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ นั้น ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินไปแล้ว มูลค่า 2,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพัฒนาที่ดิน ซึ่งได้ถมที่คืบหน้าแล้ว 95% น่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างดำเนินการเรื่องการของใบอนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้อง คาดว่า จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างและแล้วเสร็จประมาณ 4-6 เดือน หรือแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งก็จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้บางส่วน ส่วนจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) ครบทั้งหมดเมื่อไหร่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่หากติดตั้งเสร็จสิ้นครบทั้ง 500 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้บริษัท รับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับใช้ในพื้นที่เมืองใหม่ ในEEC กำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ ทาง SPCG ได้ร่วมมือกับ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เซท เอนเนอยี จำกัด (SET Energy) ที่มี SPCG เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 75% โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัท จัดสรรงบลงทุนทั้งโครงการ อยู่ที่ 12,500 ล้านบาท