ผู้ชมทั้งหมด 2,427
SHARGE ซุ่มดีลพันธมิตรรายใหญ่เพิ่มทุน คาดภายใน 1 เดือนมีความชัดเจน หวังเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ ชี้ปี 66 แนวโน้มรายได้โต 6 เท่า กว่า 300 ล้านบาท เทียบกับปี 65 มีรายได้ 56 ล้านบาท หลังมี Backlog ขายเครื่องชาร์จรถยนต์ EV กว่า 20,000 เครื่อง
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจ ว่า ความต้องการด้าน EV Charger ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจากทิศทางการเติบโตในอนาคต บริษัทจึงมีแผนระดมทุน เพื่อใช้สำหรับขยายการลงทุน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท รองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV และการแข่งขันในอนาคต
โดยแผนการระดมทุนนั้นได้เลือกแนวทางการหาพันธมิตรมาเพิ่มทุนเป็นอันดับแรก ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรผู้ประกอบการสถานีชาร์จรายใหญ่ของไทย คาดว่าภายใน 1 เดือนก็จะมีความชัดเจนในเรื่องของพันธมิตรที่จะมาเพิ่มทุน หลังจากนั้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาราว 3 เดือนในการดำเนินการเพิ่มทุนแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามหากการเพิ่มทุนไม่สำเร็จก็จะพิจารณาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นทางเลือกที่ 2
“การหาพันธมิตรมาเพิ่มทุนนั้นนอกจากเป็นการหาแหล่งเงินทุนแล้วยังเป็นการเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ EV ด้วย และเป็นการเติมเต็มการบริการแบบครบวงจรในธุรกิจ EV Charging ของ SHARG ช่วยให้เกิดความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และช่วยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบัน SHARG มีฐานลูกค้าที่เป็น โครงการบ้านจัดสรร บริษัทผลิตรถยนต์ EV บริษัทด้านพลังงานหลายราย”
นายพีระภัทร กล่าวถึงมูลค่าตลาดรวมเครื่องชาร์จ EV ทั้งการติดตั้งภายในบ้าน และสถานีชาร์จทั่วไปมีมูลค่าตลาดกว่า 2,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐบาลออกนโยบายลดภาษีประจำปีลง 80% สำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่จดทะเบียนตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 – 30 ก.ย. 68 โดยลดลง 80% ของอัตราภาษีที่กำหนดเป็นเวลา 1 ปี (นับแต่วันที่จดทะเบียน) และการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบ หรือผลิตในเขตปลอดอากรภาษี และเขตประกอบการเสรี ในปี 65 – 68 ส่งผลให้มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ามาเปิดตลาดในไทยกันหลายแบรนด์ ในขณะที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
ส่วนแนวโน้มรายได้ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 6 เท่า หรือมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้เพียง 56 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2566 นั้นมีรายได้เติบโตแล้วกว่า 67 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทั้งปีของปี 2565 เนื่องจาก SHARGE มีงานติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยภายในเดือนเมษายนนี้ต้องติดตั้งประมาณ 20,000 เครื่องที่ต้องติดตั้งให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญญากับ BYD ประมาณ 11,400 คัน นอกจากนั้นก็เป็นการติดตั้งให้กับโครงการบ้านจัดสรร เช่น แสนสิริ, เอสซี แอสเสท รวมถึงการติดตั้งให้กับสถานีบริการน้ำมันเชลล์
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานในมือ (Backlog) 20,000 กว่าเครื่องที่ต้องติดตั้งให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่ยอด Backlog มาจากบริษัทผลิตรถยนต์ อาทิเช่น BYD Audi Porsche รวมทั้งการสร้างสถานีชาร์จให้กับสถานีบริการน้ำมันเชลล์ โครงการบ้านแสนสิริ เอสซี แอสเสท และคาดว่าจะมียอด Backlog เพิ่มขึ้นจากกลุ่มเป้าหมายของบริษัทกว่า 30 บริษัททั้งที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัทเกี่ยวกับพลังงาน บริษัทรถยนต์ ล่าสุดมีการลงนามขายเครื่องชาร์จให้กับฮอนด้า และอยู่ระหว่างการเจรจากับโตโยต้าในการสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนั้นบริษัทมีสัดส่วนรายจากการขายเครื่องชาร์จและติดตั้งกว่า 90% รายได้จากการขายไฟฟ้า 10% ซึ่งในเป้าหมาย 5 ปี (2566 – 2570) คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าสถานีชาร์จไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ส่วนรายได้จากการขายเครื่องชาร์จจะอยู่ที่ 60% เนื่องการติดตั้งสถานีชาร์จจะเพิ่มขึ้นช่วยให้มีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตาม