ผู้ชมทั้งหมด 867
สยามแก๊สฯ มั่นใจ รายได้ปีนี้ แตะระดับ 1 แสนล้านบาท หลังคาด ยอดขายโตเข้าเป้า 12% อยู่ที่ 3.65 ล้านตัน มองครึ่งปีหลังดีมานด์ใช้ LPG พุ่งรับช่วงไฮซีซั่นของทุกปี ขณะที่ไตรมาส 3 ราคาLPG อ่อนตัวลง สวนทางราคาน้ำมันดิบ เผยยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยในงานOppday Q2/2022 บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) SGP เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 โดยระบุว่า แนวโน้มผลงานดำเนินงานในปี 2565 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในส่วนของรายได้ จะแตะระดับ 1 แสนล้านบาท หากราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตลาดโลก ยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 700-800 ดอลลาร์ต่อตัน โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัท มีรายได้ อยู่ที่ 51,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งปีนี้ จะอยู่ที่ 3.65 ล้านตัน เติบโตขึ้น 12% จากปี 2564 ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของบริษัท และคาดว่า ความต้องการใช้ LPG จะเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศที่ต้องการใช้ LPG ในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงจะมีการจัดซื้อLPG เพิ่มเก็บสต็อกมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มราคา LPG ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะแตกต่างไปจากทุกปี โดยช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ คาดว่า ราคา LPG จะปรับลดลง สวนทางกับราคาน้ำมันดิบ
สำหรับแผนการซื้อหุ้น SGP คืนนั้น บริษัท ยังไม่มีแผนในเรื่องนี้ โดยปัจจุบัน ราคาหุ้น SGP อยู่ที่ระดับกว่า 11 บาทต่อหุ้น โดยราคาพาร์ อยู่ที่ 50 สตางค์ เมื่อเที่ยบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือว่าไม่ต่ำจนเกินไป จากราคาพาร์ของบริษัทอื่นอยู่ที่ประมาณ 1 บาท ดังนั้น พาร์ของ SGP อยู่ที่ 50 สตางค์ ถือว่าสูงกว่าราคา IPO ที่ 4 บาท เป็นระดับเท่าตัว จึงยังไม่คิดที่จะซื้อหุ้นคืน
ทั้งนี้ ช่วง 6 เดือนแรกของปี 65 ตลาดรวม LPG ในประเทศไทย มียอดขาย อยู่ที่ 1.786 ล้านตัน เป็นของ SGP อยู่ที่ 397 แสนตัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) อันดับที่ 2 อยู่ที่ 22.2% โดยยอดขายหลักมาจากภาคครัวเรือน 62% ภาครถยนต์ 18% และภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ 20%
สำหรับปี 2565 บริษัท ตั้งเป้ายอดขายLPG ในประเทศไทย อยู่ที่ 800,000 ตัน ,เทรดดิ้ง อยู่ที่ 1,645,000 ตัน , จีน อยู่ที่ 960,000 ตัน , เวียดนาม อยู่ที่ 64,000 ตัน, สิงคโปร์ อยู่ที่ 18,000 ตัน และมาเลเซีย อยู่ที่ 154,000 ตัน โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ทำยอดขายรวมได้แล้ว 1,702,282 ตัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 3,650,000 ตัน