ผู้ชมทั้งหมด 919
SGP หวังผลประกอบการปีนี้ทำนิวไฮ มั่นใจครึ่งปีหลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นหนุนยอดขายต่างประเทศ-ไทยโตตามเป้า 15% ขณะที่ราคาLPG ตลาดโลกหนุน คาดเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 550 ดอลลาร์ต่อตัน ลุ้นประกาศจ่ายปันผลปลายปีสูงกว่าปีก่อน
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2564 โดยระบุว่า บริษัท มั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปีนี้มีโอกาสทำนิวไฮ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3-4 ของทุกปีจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจก๊าซ LPG โดยยอดขายในต่างประเทศยังขยายตัวได้ดีแม้จะมีปัญหาโควิด-19 ในบางประเทศ
ขณะที่ในประเทศไทย รัฐบาลได้คลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงเดือนก.ย.นี้ ก็จะเอื้อให้ร้านอาหาร ภัตตาคาร ศูนย์การค้าต่างๆ กลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ยอดขายทั้งปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย 15% หรือ ราว 3.73 ล้านตัน จากปีก่อน มียอดขายอยู่ที่ 3.24 ล้านตัน
ประกอบกับราคา LNG ตลาดโลก (CP) ในเดือนก.ย.นี้ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคา LPG ไตรมาส 3 สูงกว่าไตรมาส 2 ประมาณ 137.5 ดอลลาร์ต่อตัน หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 582 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ราคา LPG ตลาดโลกถัวเฉลี่ยทั้งปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 550 ดอลลาร์ต่อ แต่จะไม่เกิน 600 ดอลลาร์ต่อตัน อีกทั้งธุรกิจไฟฟ้าเมียนมายังเป็นไปได้ดี ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งก็น่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท
“ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เราทำยอดขายทั้งไทยและต่างประเทศได้แล้ว 43.7% หรือ 1.63 ล้านตันก็คิดว่าไตรมาส3-4 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นก็จะทำยอดขายได้เป้าหมาย ซึ่งไตรมาส 2 เราทำกำไร 1,400 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.20 บาท และปลายปีนี้หากผลประกอบการทำนิวไฮก็จะจ่ายปันผลปลายปีไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่จ่าย 0.40 บาทต่อหุ้น”
สำหรับยอดขาย LPG ของบริษัท แบ่งเป็น ยอดขายในประเทศ ตั้งเป้าไว้ที่ 9.1 แสนตัน ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขายได้แล้ว 3.84 แสนตัน ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะทำได้ตามเป้าอย่างแน่นอน
ส่วนยอดขาย LPG ในต่างประเทศ ตั้งเป้าไว้ที่ 2.82 ล้านตัน ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขายได้แล้ว 1.24 ล้านตัน แบ่งเป็น Offshore Trading ซื้อมาขายไป ตั้งเป้า 1.4 ล้านตัน ขายไปแล้ว 6.94 แสนตัน ,ยอดขายที่จีน ตั้งเป้า 1.15 ล้านตัน ขายไปแล้ว 4.23 แสนตัน ,ยอดขายที่เวียดนาม ตั้งเป้า 1 แสนตัน ขายไปแล้ว 3 หมื่นตัน คาดว่า ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยจากผลกระทบโควิด-19 ,ยอดขายในสิงคโปร์ ตั้งเป้า 2 หมื่นตัน ขายไปแล้ว 8.26 พันตัน และยอดขายในมาเลเซีย ตั้งเป้า 1.5 แสนตัน ขายไปแล้ว 7 หมื่นตัน
ทั้งนี้ ในประเทศไทยปัจจุบัน บริษัท มีคลังก๊าซ 9 แห่ง มีรถขนส่งสินค้า 500 คัน มีเรือกว่า 27 ลำ มีโรงบรรจุก๊าซของบริษัท 41 แห่ง และของดีลเลอร์ อีก 145 แห่ง มีปั๊ม LPG ของบริษัท 42 แห่ง และของดีลเลอร์ 315 แห่ง
นางจินตณา กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัท ยังไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางเจรจาธุรกิจชะงักลง แต่ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีหน้า
ส่วนโอกาสขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น ยอมรับว่า บริษัทสนใจการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากพาร์ทเนอร์ที่เข้าไปร่วมลงทุนด้วย ประกอบกับช่วงนี้โควิด-19 ยังระบาดทำให้โอกาสขยายธุรกิจยังไม่มีความคืบหน้าในขณะนี้