ผู้ชมทั้งหมด 909
SCGP ลั่นปี 64 ทำยอดขายทะลุ 1 แสนล้านบาทสูงสุดเป็นสถิติใหม่ (นิวไฮ) หลังจากควบรวมกิจการ พร้อมอัดงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาทขยายธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำในภูมิภาคอาเซียน เล็งออกหุ้นกู้ 5.5 พันล้านบาทเสริมแกร่ง
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 64 บริษัทฯจะพยายามทำยอดขายปีนี้ให้สูงสุด (นิวไฮ) อีกครั้ง โดยมีโอกาสทะลุ 1 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการควบรวมกิจการได้แก่ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศเวียดนาม และ Go-Pak UK Limited (Go-Pak) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำ จะส่งผลให้ SCGP เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้การขยายธุรกิจใน SOVI และ Go-Pak จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการนำเสนอบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และยังสามารถขยายตลาดใหม่ในสหราชอาณาจักร ยุโรปและอเมริกาเหนือ สร้างรายได้ให้ SCGP กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 64 บริษัทได้ตั้งงบลงทุนราว 20,000 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนขยายธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้โครงการขยายกำลังผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และโครงการขยายบรรจุภัณฑ์โพลิเมอร์ในประเทศไทยจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ รวมถึงสำหรับลงทุนซื้อกิจการ (M&A) และการลงทุนพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต และสำหรับการซ่อมบำรุง
ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีความพร้อมในการขยายธุรกิจ เพื่อให้บริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงิน SCGP ยังมีแผนออกหุ้นกู้ วงเงิน 5,500 ล้านบาท เบื้องต้นอายุ 3 ปี 8 เดือน ซึ่งขณะนี้ยังรอทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) อนุมัติ ซึ่งการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนด โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก Fitch Ratings (Thailand) ที่ A+
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค รองรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จะใช้ได้ผลดีหรือไม่ หากใช้ได้ผลดีก็จะส่งผลให้ไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายขึ้น ส่วนแนวโน้มของตลาดบรรจุภัณฑ์นั้นบริษัทฯ คาดว่าความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเพื่อสุขภาพ จะยังคงขยายตัวในปีนี้ และในระยะยาวคาดว่าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์จะได้รับปัจจัยบวกจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตสินค้ามายังภูมิภาคอาเซียน
สำหรับภาพรวมปี 63 บริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและผลกระทบจากโรคระบาด โดยยังสามารถทำรายได้จากการขายรวม 92,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกำไรสุทธิ 6,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย การบริหารต้นทุน วัตถุดิบ และซัพพลายเชนที่มีการปรับพอร์ตการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การขยายฐานธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ (Downstream) และการควบรวมกิจการ (Merger & Partnership หรือ M&P) เพื่อขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการแลกเปลี่ยนจุดแข็งและสร้างประโยชน์จากการผนึกพลัง (Synergy) กับ PT Fajar Surya Wisesa Tbk. และ Visy Packaging (Thailand) Limited