ผู้ชมทั้งหมด 412
”ราช กรุ๊ป“ ทุ่ม 1.5 หมื่นล้านบาท ลุยขยายการลงทุนปี67 ดันเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ เฉลี่ย 700 เมกะวัตต์ต่อปี ถึงปี73 ลุ้นปิดดีลซื้อกิจการใหม่ในปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 6 ดีล กำลังผลิตรวมกว่า 550 เมกะวัตต์ มั่นใจผลประกอบการไตรมาส2 โตต่อเนื่อง
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนปี 2567 อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ ช่วงปี 2567-2573 เพิ่มขึ้นเฉลี่ล ปีละ 700 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหลายโครงการ ซึ่งคาดว่า 6 ดีล กว่า 10 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 550 เมกะวัตต์ จะมีความชัดเจนได้ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยใน 6 ดีลดังกล่าว แบ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เป็นเชื้อเพลิงหลัก 1 ดีล และเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียน 5 ดีล
โดยทิศทางการลงทุนของบริษัทในช่วงปี 2567-2573 ยังคงแผนลงทุนเชื้อเพลิงหลักในประเทศ 70% เน้นก๊าซธรรมชาติที่ยังได้รับการยอมรับในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด และตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 30% ในปี 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ 26% ซึ่งจะเน้นขยายการลงทุนในประเทศที่มีฐานลงทุนอยู่แล้ว ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สปป.ลาว และ ฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจเพิ่มมูลค่า(นอน พาวเวอร์) บริษัทจะขยายการลงทุนครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โลจิสติกส์ เช่นเดียวกับธุรกิจบริการสุขภาพ เทคโนโลยี/นวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและระบบดักจับ กักเก็บคาร์บอน รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักกับเชื้อเพลิงในอนาคต โดยเฉพาะไฮโดรเจน ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ธุรกิจกลุ่มนี้ 5% ในปี 2570
“ในปีนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนความร่วมมือกับพันธมิตรร่วมลงทุนในโครงการระบบโลจีสติกส์ รวมถึงยังสนใจ การลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ โดยอยู่ระหว่างรอติดตามรูปแบบการลงทุนตามนโยบายรัฐ ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็มีความพร้อมเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่ สำหรับเข้าไปซัพพอร์ตโครงการด้วย”
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่า ผลประกอบการจะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยจะได้รับปัจจัยบวกจากโรงไฟฟ้าหงสาที่กลับมาเดือนเครื่องการผลิตหลังมีบางยูนิตปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และบริษัท ยังรับรู้รายได้จากเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้า ไพตัน เอ็นเนอร์ยี อินโดนีเซีย ที่คาดว่า จะรับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ช่วง พ.ค.-มิ.ย.นี้เป็นต้นไป อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าในสถานพยาบาลที่เข้าไปลงทุนด้วย ขณะที่ผลการดำเนินงานทั้งปีนี้ มั่นใจว่า EBITDA จะเติบโตขึ้นจากปีก่อน
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและก่อสร้าง 1,809.96 เมกะวัตต์ คิดเป็น 17% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ลงทุนแล้วรวม 10,817.96 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 9,007.29 เมกะวัตต์ คิดเป็น 83% ทั้งนี้แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ลงทุนในต่างประเทศ 5,342.95 เมกะวัตต์ คิดเป็น 49% และลงทุนในไทย 5,474.30 เมกะวัตต์ คิดเป็น 51% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้นที่ลงทุน
นายนิทัศน์ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อน ราช กรุ๊ป สู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 ภายใต้แนวคิด “ทำแล้ว ทำต่อ ทำให้ดีขึ้น” ตามภารกิจ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.กลยุทธ์ธุรกิจทั้งธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถสร้างมูลค่าและคุณค่าระยะยาว ทั้งยังรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง 2.การลงทุนที่เน้นสร้างความสมดุลระหว่างการเข้าซื้อกิจการที่ดำเนินการแล้ว และการพัฒนาโครงการใหม่ เพื่อรักษากระแสเงินสดและอัตราผลตอบแทนให้เหมาะสม
3.บริหารสินทรัพย์ โดยให้ความสำคัญกับโรงไฟฟ้าเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่มีความมั่นคงเชื่อถือได้สำหรับประเทศและลูกค้า สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ 4. บริหารการเงินรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 5.บริหารทรัพยากรบุคคล ด้วยการเสริมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับธุรกิจในอนาคต ตามแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ราช กรุ๊ป ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 และได้วางแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานเพื่อลดปริมาณความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15% เทียบกับปีฐาน 2558 การเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนและธุรกิจสีเขียวให้ได้ 30% ของกำลังการผลิตรวม และการชดเชยหรือดูดกลับคาร์บอนเพิ่มให้ได้ 1% ของปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศไทย