ผู้ชมทั้งหมด 596
ปตท.สผ.ลุ้นผลประกอบการไตรมาส 2/65 โตต่อเนื่อง สะท้อนยอดขายและราคาก๊าซฯปรับเพิ่มขึ้น คาดทั้งปี65 ปริมาณการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 467,000 บาร์เรลต่อวัน ราคาก๊าซเฉลี่ย 6.4 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ขณะที่ประเมินราคาน้ำมันดิบ เคลื่อนไหว 90-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พร้อมเร่งผลิตก๊าซแหล่งเอราวัณ แตะ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ภายใน 24 เดือน แม้ “มูบาดาลา” แจ้งหยุดลงทุนในโครงการ
นายธนัตถ์ ธำรงศักดิ์สุวิทย์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยในงาน Oppday Q1/2022 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP โดยระบุว่า ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ คาดว่า ผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ย คาดว่าจะอยู่ที่ 467,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และเฉลี่ยทั้งปีนี้ จะอยู่ระดับ 467,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเช่นกัน ขณะที่ราคาก๊าซฯ ไตรมาส 2 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.2 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู และทั้งปีอยู่ที่ 6.4 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู และจะรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ที่ 28-29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ รวมถึง บริษัท มีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา ที่ 70-75%
“ปีนี้ บริษัท คาดว่า ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวในกรอบ 90-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาก๊าซLNG อยู่ที่ 23-26 ดอลลาร์ล้านบีทียู ซึ่งเป็นระดับที่สูง”
นางสาวอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP กล่าวว่า ปี2565 บริษัท ยังเดินหน้าการลงทุนตามแผน 5 ปี ซึ่งมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านการบริหารจัดการ 2 แหล่งก๊าซขนาดใหญ่ในประเทศ คือ แหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงมองโอกาสการควบรวมหรือซื้อกิจการ(M&A)ในประเทศที่มีฐานการลงทุนอยู่แล้ว เช่น ไทย มาเลเซีย และตะวันออกกลาง เป็นต้น โดยจะมุ่งเน้นเรื่องของก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานของโลก
ทั้งนี้ งบลงทุนปี 2565 อยู่ที่ 5,666 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 190,036 ล้านบาทและแผนการลงทุน 5 ปีตั้งไว้ที่ 27,164 ล้านดอลลาร์ หรือราว 911,124 ล้านบาท เน้นธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อรักษากำลังการผลิตและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากโครงการหลัก วางตั้งเป้าปริมาณการขายโตขึ้นช่วง 5 ปีเฉลี่ย 5% ต่อปี โดยปีหน้ามีปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 467,000 บาร์เรลต่อวัน
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินงาน 2 แหล่งก๊าซฯ ขนาดใหญ่ในไทยนั้น เมื่อวันที่ 24 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ถือว่า ปตท.สผ.ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านการบริหารงานมาสู่ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC) โดยแหล่งเอราวัณ(แปลง G1/61) มีอัตราเริ่มการผลิตก๊าซฯ อยู่ที่ประมาณ 376 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะเร่งการผลิตให้ได้ตามเงื่อนไขที่ต้องรักษาอัตราการผลิตก๊าซฯให้อยู่ในระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ภายในระยะเวลา 24 เดือน ขณะเดียวกัน แหล่งเอราวัณนั้น ทางบริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จํากัด ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของ บริษัท Mubadala Petroleum (Thailand) Holdings Limited ได้แจ้งหยุดการลงทุนโครงการดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผ.เป็นผู้ลงทุนเพียงผู้เดียว และเป็นผู้รับรายได้รวมถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานทั้งหมดของโครงการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1ธันวาคม 2564
ส่วนแหล่งบงกช(แปลง G2/61) ที่ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้วนั้น มีอัตราเริ่มการผลิตก๊าซฯ อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ตามแผนต่อไป