ผู้ชมทั้งหมด 991
PTTEP เชื่อรัฐบาลใหม่เมียนมาจะไม่ยกเลิกสัญญาโครงการแก๊สทูเพาเวอร์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาสัญญาราคาก๊าซM3 และค่าไฟฟ้า คาดตัดสินใจการลงทุนขั้นสุดท้ายได้ปลายปีนี้ แย้มเจรจาพันธมิตรผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าร่วมลงทุนเพิ่มอีก 1 ราย ขณะที่การผลิตก๊าซธรรมชาติในเมียนมาเชื่อไม่สะดุดแม้มีเหตุการณ์ประท้วง
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศเมียนมา และสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการประท้วงของประชาชนชาวเมียนมาในขณะนี้ PTTEP ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบต่อแผนการลงทุนในประเทศเมียนมา โดยยังเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ของเมียนมาจะไม่ยกเลิกสัญญาโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในเมียนมา (Integrated Domestic Gas to Power) ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ เพราะที่ผ่านมาการลงทุนต่างๆ ของ PTTEP ในเมียนมายังไม่เคยถูกยกเลิกสัญญามาก่อนแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ทั้งนี้โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในเมียนมาเพิ่งลงนามในหนังสืออนุญาตให้เริ่มดำเนินงาน (Notice to Proceed) กับรัฐบาลเมียมาชุดก่อนเมื่อเดือนธันวาคม 2563 และในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาสัญญาราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในโครงการเมียนมา M3 และสัญญาซื้อขายไฟฟ้า พร้อมกันนี้ยังได้มีการเจรจากับพันธมิตรผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยยังคงมีบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็น 1 ในพันธมิตรร่วมลงทุนด้วย โดยคาดว่าจะสามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ในช่วงปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 ใช้เงินลงทุนจะอยู่ที่ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่การดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติในเมียนมา โดยบริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ปตท.สผ.อ.) สำนักงานย่างกุ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTEP เชื่อมั่นว่าจะไม่สะดุดแม้จะมีเหตุการณ์ประท้วงเกิดขึ้นก็ตาม โดยปัจจุบันยังคงดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการซอติก้า รวมถึงโครงการร่วมทุน ได้แก่ โครงการยาดานา และโครงการเยตากุน ได้ตามปกติ