ผู้ชมทั้งหมด 189
PTG เปิดงบ Q1/67 ยอดขายพุ่งเฉียด 5.5 หมื่นลบ.ปริมาณการขายน้ำมันเติบโตทะลุเป้า 16.7% ทุบสถิตินิวไฮ 1,720 ล้านลิตร โชว์มาร์เก็ตแชร์ค้าปลีกน้ำมันสูงถึง 21.8% ภาพรวมปี 67 ยังคงเป้ายอดขายน้ำมันโต 10-12% เร่งขยายปั๊มน้ำมัน 50 สาขา
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 264 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 54,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้จำนวน 50,912 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงสร้างสถิติยอดขายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่องเป็น 1,720 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นถึง 16.7% เที่ยบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same-Store-Sales) ทั้งจากลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus รวมถึงปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลและวันหยุดต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากยอดขายที่เติบโตนั้นส่งผลให้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.8% จากไตรมาส 1/2566ที่ 19.2% โดยบริษัทฯ มีสถานีบริการน้ำมัน PT ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 จำนวน 2,199 สถานี
ส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้ 4,050 ล้านบาท เติบโต 28.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้ 2,288 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ 172 ล้านลิตร ประกอบกับมีราคาขายเฉลี่ยที่ 13.26 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 3.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในส่วนของการเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG โดยรวมยังคงมาจากกลุ่ม Auto LPG 121 ล้านลิตร และบริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 1 ในไตรมาส 1/2567 ที่ 28.8% และมีจำนวนสถานีบริการ Auto LPG ที่จำนวน 243 สถานี ขณะที่ LPG กลุ่มครัวเรือนและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 6.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 51 ล้านลิตร
สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้เท่ากับ 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 947 สาขา ประกอบกับมีการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ในขณะที่ธุรกิจ Autobacs มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 83 สาขา และมีรายได้เท่ากับ 236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.2% เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้ว
ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 2,211 สาขา เพิ่มขึ้น 585 สาขา ขณะที่กำไรขั้นต้น ในธุรกิจ Non-Oil เท่ากับ 868 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 24.5% จากกำไรขั้นต้นทั้งหมด
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่าในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงวางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 10-12% และขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน 50 สาขา เพิ่มเป็น 2,251 สาขาในปีนี้ รวมถึงยกระดับการให้บริการ ด้วย PT Service Master ที่คอยให้บริการและแนะนำลูกค้า และมีการใช้ข้อมูลจากฐานสมาชิกกลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card, PT Max Card Plus, แอปพลิเคชัน Max Me และแพลตฟอร์ม Max Enterprise Connect (MEC) มาวิเคราะห์ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และโปรโมชันที่ตรงตามความต้องการลูกค้ามากที่สุด มุ่งสู่เป้าหมายในการขยายส่วนแบ่งการตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกสถานีบริการไม่ต่ำกว่า 25% ในปี 2570
สำหรับธุรกิจ Non-Oil ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% มาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มองว่าปีนี้เป็นปีแห่ง “Network Expansion” ซึ่งจะเน้นการขยายผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยาย 400 สาขา 2) ขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย และ 3) เน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตต้นน้ำเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน มุ่งสู่จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยกว่า 5,000 สาขาครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศในปี 2570
ส่วนธุรกิจก๊าซ LPG ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2567 ไว้ที่ 30-40% จาก 1) กลุ่ม Auto LPG โดยเน้นงานบริการเพื่อส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบสมาชิกบัตรกลุ่ม PT Max Card และ PT Max Card Plus เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า และ 2) กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมโดยรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า และ 3) เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566 โดยเป็นการขยาย Gas Shop เป็นหลัก
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 โดยตั้งเป้าขยายเพิ่ม 329 Touchpoints เป็นจำนวน 961 Touchpoints โดยการขยายสาขาส่วนใหญ่มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT เพื่อรองรับแนวโน้มการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวบัตรแมกซ์การ์ด พลัส อีวี (Max Card Plus EV) เพื่อมอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ใช้ EV โดยเฉพาะ และเพื่อเชื่อมต่อ Max World Ecosystem ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังวางเป้าขยาย Touchpoints ในธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อาทิ ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น