PTG ผนึกมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ-กรมป่าไม้-ธ.ก.ส. หนุนปลูกกาแฟอาราบิก้าพื้นที่ป่า 3 หมื่นไร่

ผู้ชมทั้งหมด 969 

PTG ผนึกมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ-กรมป่าไม้-ธ.ก.ส.ส่งเสริมการปลูกกาแฟราบิก้า และ พืชเศรษฐกิจยั่งยืน เริ่มต้น 5 ปีแรก 3 หมื่นไร่ หวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของ  เกษตรกรผู้ผลิตกาแฟมีรายได้ที่ดีขึ้น  

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG  เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์  กรมป่าไม้ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ป่าและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้า และพืชเศรษฐกิจอย่างอื่น เพื่อรักษาป่าเดิม เพิ่มป่าใหม่ เพื่อให้ ประเทศ ได้มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์  เกษตรกรมีรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น   

สำหรับกาแฟอราบิก้านั้นเป็นกาแฟที่คุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด โดยจะนำเอาเมล็ดกาแฟส่งมอบให้กับพีทีจี เพื่อส่งต่อให้กับบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพีทีจี) รวมถึงรับซื้อผลผลิตกาแฟอาราบิก้า หรือพืชเศรษฐกิจจากเกษตรกรตามคุณภาพ

ทั้งนี้บทบาทของพีทีจีในการลงนามความร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คือ พีทีจีร่วมส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้ในการปลูก การแปรรูปกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ พร้อมทั้งรับซื้อผลผลิตกาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดในราคามาตรฐานเป็นธรรมและยั่งยืน

พร้อมทั้งสนับสนุนองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนากระบวนการรับซื้อผลผลิต  การคัดคุณภาพเมล็ด และการตรวจสอบย้อนกลับรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตกาแฟและพืชเศรษฐกิจ พร้อมยังได้ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากพื้นที่ส่งเสริมเป้าหมายและร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดจำหน่ายในกลุ่มพีทีจี

สำหรับความร่วมมือกับกรมป่าไม้ พีทีจีสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อดำเนินการจัดหา ปลูกกาแฟ และ ปลูกไม้ป่าในพื้นที่โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ที่กรมป่าไม้จัดเตรียมให้ เพื่อการปลูกและบำรุงรักษาป่า อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี พร้อมทั้งพัฒนาระบบการผลิตกล้ากาแฟพันธุ์ดีให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ และดูแลกล้ากาแฟอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงร่วมกันพัฒนารูปแบบการสร้างกระบวนการ ปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่กับการพัฒนาเพื่อ เพิ่มพื้นที่ ป่า ถาวรในชุมชน

ส่วนความร่วมมือกับ ธ.ก.ส. พีทีจีสนับสนุนด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์และข้อมูลเพื่อเป็นกรอบในการวางแผนการผลิตให้กับวิสาหกิจชุมชน รวมถึงจัด กิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับชุมชนในพื้นที่และเผยแพร่ความรู้ เทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับการปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจแก่เกษตรกร  พร้อมทั้งจัดหากล้าไม้ยืนต้น ต้นกล้ากาแฟบางส่วน และต้นกล้าของพื้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล  เลขาธิการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ดำเนินงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปี 2531 โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริเพื่อแก้ไข ปัญหาการปลูกพืชเสพติด ความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนเป้าหมายผ่านการสร้างอาชีพทาง เลือกสุจริตต่างๆ โดยเฉพาะการปลูกป่าเศรษฐกิจ ควบคู่กับการส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิตประชาชนด้านเศรษฐกิจและสังคม และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นองค์รวมประเมิน ความเหมาะสมของพื้นที่ และส่งเสริมการปลูกและแปรรูปกาแฟ และพืชเศรษฐกิจ

โดย พีทีจีได้ให้ความสำคัญกับการดูแลป่าพัฒนาชุมชน และส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่น และมีนโยบาย ในการเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจตามความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า และป่าเศรษฐกิจ ในพื้นที่เป้าหมายที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต อีกทั้งมีความตั้งใจที่จะนำวัตถุดิบจากพื้นถิ่นไทยมาใช้ ในร้านค้าภายใต้การบริหารงานของพีทีจี เพื่อสนับสนุนการเกษตรอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าแต่ละฝ่ายต่างมีเป้าหมายการดำเนินงานในทิศทางเดียวกันและมีความตั้งใจที่สอดคล้องต้องกันในการพัฒนาพื้นที่ โดยการส่งเสริมและฟื้นฟูพื้นที่เป้าหมาย ผ่านการดำเนินงานแบบ ผสมผสาน เช่น การปลูกป่า การปลูกกาแฟหรือพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ และสนับสนุนการ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากงานพัฒนาทางเลือกและสนับสนุนชุมชน ตลอดจนร่วมพัฒนาการ ส่งเสริมและต่อยอดผลิตภัณฑ์จากชุมชนในพื้นที่เป้าหมายที่ได้ตกลงทำงานร่วมกัน ทุกฝ่ายจึงตกลงทำ บันทึกข้อตกลงความ ร่วมมือกันในครั้งนี้

ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงบทบาทของกรมป่าไม้ ในความร่วมมือครั้งนี้ว่า กรมป่าไม้จะสนับสนุนพื้นที่โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ตามแนวพระราชดำริจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 ไร่ เพื่อการปลูกและบำรุงรักษาป่า พร้อมทั้งสนับสนุนด้านข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประสานงานกับ พีทีจี หน่วยงาน ชุมชน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามความเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเป็น ไปอย่างมี ประสิทธิ ภาพสูงสุด   อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ประจำโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ รวมถึงเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำแนะนำ การจัด หาพื้นที่โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ และการประสานงานกับชุมชนในพื้นที่

นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า หน้าที่ของ ธ.ก.ส. จะประเมินความพร้อม และศักยภาพของเกษตรกรและสถาบันเกษตร กรในพื้นที่ ทั้งด้านความตั้งใจในการเข้าร่วมโครงการ รวมถึงความพร้อมทางด้านการเงิน รวมถึงสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมกับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อให้โครงการดำเนินไปได้ตามแผน ทั้งนี้ภาย ใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของ ธ.ก.ส. และเป็นไปตามเงื่อนไขที่ ธ.ก.ส. กำหนด นอกจากนี้ยังหาช่องทางในการพัฒนา  สินค้าจากผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อเชื่อมโยงกับตลาดที่พีทีจีรองรับ