ผู้ชมทั้งหมด 1,007
PTG ปี 64 อัดงบลงทุน 4.5 พันล้านบาทลุยขยายปั๊มน้ำมัน-แอลพีจี รุกธุรกิจใหม่เต็มสูบ วางเป้ายอดขายโต 8-10% ชี้ช่วงโควิดระบาดต้องรอบคอบเรื่องลงทุน พร้อมเปลี่ยนหัวจ่ายแก๊สโซฮอล์ 91 เป็น E20 ตามนโยบายกระทรวงพลังงาน เตรียมดัน “ปาล์มคอมเพล็กซ์-แอลพีจี” เข้าตลาดปี65
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในปี 64 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนไว้ราว 4,500 ล้านบาท สำหรับลงทุนขยายสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) และสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ราว 3,600 – 3,700 ล้านบาท และใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจนอนออยล์ (NON-OIL) และธุรกิจใหม่ราว 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 64 นั้นบริษัทมีเป้าหมายขยายปั๊มน้ำมันและปั๊ม LPG จำนวน 150 โดยแบ่งเป็นเฉพาะปั๊มน้ำมันอย่างเดียว 50 แห่ง ปั๊มน้ำมันบวก LPG 50 แห่ง และปั๊ม LPG เพียงอย่างเดียว 50 แห่ง โดย ณ สิ้นปี 63 นั้นบริษัทฯ มีปั๊มน้ำมันและ LPG รวมกันราว 2,094 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การขยายปั๊มในปีนี้จะเน้นนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงขยายในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่มีการเติบโตสูง พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังจะดำเนินการลงทุนปรับปรุงปั๊มน้ำมันใหม่อีกด้วย เพื่อให้เป็นปั๊มน้ำมันมีบริการครบวงจร ขณะที่ธุรกิจนอนออยล์จะดึงพันธมิตรเข้ามาเสริมในพื้นที่ปั๊มน้ำมันเพิ่มเติมอีกหลายราย นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยในปี 64 จำนวน 50 สาขาจากปัจจุบันมีอยู่ราว 270 สาขา ส่วนคอฟฟี่เวิลด์นั้นมีอยู่ 30 สาขาอยู่ระหว่างการรีแบรนด์ใหม่เพื่อยกระดับการแข่งขันกับแบรด์ชั้นนำ
อย่างไรก็ตามการใช้งบลงทุนในปี 64 นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 รอบใหม่ว่าจะแพร่ระบาดนานแค่ไหน แต่ทิศทางการแพร่ระบาดก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ซึ่งการลงทุนก็ต้องดูรายละเอียดให้รอบครอบ และรักษาสภาพคล่องของกระแสเงินสดให้ดี โดยในแต่ละปีนั้นบริษัทฯ มีกระแสเงินสดเฉลี่ยปีละ 5,000 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 64 นั้นตั้งเป้ายอดขายน้ำมันรวมเติบโตในระดับ 8-10% ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดน้ำมัน (มาร์เก็ตแชร์) ไว้ราว 17-18% โดยในช่วง 11 เดือนของปี 63 นั้นบริษัทฯ มียอดขายน้ำมันรวมอยู่ในระดับ 31,683 ล้านลิตรมีส่วนแบ่งการตลาดในระดับ 14.2% และแบ่งเป็นเฉพาะยอดขายน้ำมันผ่านปั๊มราว 24,390 ล้านลิตรมีส่วนแบ่งการตลาดในระดับ 17%
สำหรับรายได้รวมนั้นก็มั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าในช่วงปี 63 ซึ่งเป็นการเติบโตตามยอดขายน้ำมัน รวมทั้งทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วงปี 64 คาดว่าจะเฉลี่ยในระดับ 55-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายปั๊มน้ำมันและปั๊ม LPG และได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งเสริมการขายผ่านช่องทางบัตรสมาชิก PT MAX CARD ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ราว 15 ล้านใบ และตั้งเป้าในปี 64 มีสมาชิกเพิ่มเป็น 18 ล้านใบ รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจนอนออยล์
สำหรับการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพน์แห่งประเทศไทย นั้น ในส่วนของปาล์มคอมเพล็กซ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ PPPGC และธุรกิจ LPG โดยบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด โดยธุรกิจ LPG คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งไตรมาส 1/65 ส่วน PPPGC คาดว่าจะยื่นไฟลิ่งไตรมาส 3/65
ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงานมีนโยบายจะยกระดับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานกลุ่มเบนซิน โดยยกเลิกแก๊สโซฮอล์ 91 นั้นทางบริษัทฯ ก็พร้อมดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน โดยจะดำเนินการปรับเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำมันจากแก๊สโซฮอล์ 91 เป็นน้ำมัน E20