ผู้ชมทั้งหมด 867
วันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ การเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้เยาวชน เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาตนเอง ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ต่าง ๆ ของโลก ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยวางรากฐานให้เยาวชนเติบโตอย่างมีศักยภาพ เป็นแรงผลักดันช่วยพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เชื่อเสมอว่า “พลังความรู้ คือ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา” จึงเป็นที่มาของการร่วมสนับสนุนเยาวชนให้เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์หลากหลายที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ควบคู่กับการปลูกฝังแนวคิดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อดูแลโลกของเราให้ยั่งยืน ผ่านโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม “เพาเวอร์กรีน” (Power Green Camp) ภายใต้ความร่วมมือกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ค่ายเพาเวอร์กรีนได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา บ้านปูและมหิดลได้ช่วยสร้างแกนนำและเครือข่ายเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ ทุกวันนี้เยาวชนเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไปไหน พวกเขายังคงเป็นกำลังสำคัญในเครือข่ายค่ายเพาเวอร์กรีนที่พร้อมส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่น้องๆ รุ่นต่อไป
นายปฏิปัน จันทโชติ หนึ่งในตัวแทนเครือข่ายเยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน รุ่นที่ 13 ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าถึงความประทับใจตอนที่ได้มาเข้าร่วมค่ายเพาเวอร์กรีนว่า “ได้เข้าร่วมค่ายนี้ตอนที่ยังอยู่ชั้น ม.5 ประทับใจตรงที่รู้สึกว่ามีพื้นที่ให้เราได้แสดงความคิดเห็นและลงมือทำเพื่อช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เราได้ช่วยพลักดันให้คนท้องถิ่นใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่าที่จะทำได้ ผมคิดว่าในขณะที่เทคโนโลยีก้าวล้ำนำหน้าไปทุกวัน เเต่ในมุมกลับกัน ทรัพยากรทางธรรมชาติ ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพเริ่มถดถอยเเละเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว หลาย ประเทศเริ่มลุกขึ้นมาให้ความสำคัญกับปัญหานี้ และมีกลุ่มเยาวชนออกมารณรงค์เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง”
“สำหรับประเทศไทย ค่ายเพาเวอร์กรีนเป็นเสมือนเวทีสำหรับเยาวชนหัวใจสีเขียว ที่พร้อมจะมาร่วมสร้างสิ่งดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม และส่งต่อองค์ความรู้ให้คนรอบข้างเกิดความรักและหวงแหนสิ่งแวดล้อมรอบตัวไปพร้อม ๆ กัน ในฐานะรุ่นพี่ค่ายฯ อยากฝากไปถึงน้อง ๆ รุ่นใหม่ว่า หากมีใจรักษ์สิ่งแวดล้อม ค่ายเพาเวอร์กรีนคือจุดเริ่มต้นในการเป็นกระบอกเสียงด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อหลายเสียงรวมกัน เราก็จะสามารถสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สังคม ชุมชน และโลกของเราได้มากขึ้น” นายปฏิปัน กล่าวเสริม
ทางด้าน นายธีรเจต รวมทำ หนึ่งในตัวแทนเครือข่ายเยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน รุ่นที่ 16 ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า “ความน่าสนใจของค่ายเพาเวอร์กรีน คือ รูปแบบการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ บรรยากาศการเรียนจะคอยกระตุ้นให้เราตั้งคำถามและคิดต่อว่า เราจะรับมือกับธรรมชาติรอบตัวเราที่เปลี่ยนไปยังไง ค่ายฯ ยังสอนเรื่อง Soft Skills ทั้งเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทุกกิจกรรมช่วยสอนให้ผมฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน และที่สำคัญ ค่ายเพาเวอร์กรีนยังสอนวิชาคน สอนให้เรารู้จักปรับตัวเข้าหาผู้อื่น รู้จักวิธีสร้างสัมพันธที่ดีกับเพื่อนใหม่”
โดยจะเห็นได้ว่าค่ายเพาเวอร์กรีนไม่เพียงแค่ปลูกฝังแนวคิดเรื่องวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนกุญแจสำคัญที่ไขโอกาสการเรียนรู้ และเปิดโลกกว้างให้เยาวชนได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาคิดวิเคราะห์เป็น ทำเป็น มีเหตุผล และสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดและปรับใช้ในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชน เพื่อให้โลกใบนี้น่าอยู่กว่าเดิม
นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส – สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 16 ปี ค่ายเพาเวอร์กรีนเน้นพัฒนาศักยภาพของเยาวชนจากรุ่นสู่รุ่น เราอยากให้เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมเกิดความตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัว และทุกคนคือส่วนสำคัญที่ทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้ สำหรับบ้านปู ในฐานะบริษัทที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) อย่างต่อเนื่อง รู้สึกยินดีที่ได้เห็นเยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีนในรุ่นต่างๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเลือกดำเนินชีวิตอย่างเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติรอบตัว และที่น่าปลื้มใจคือเครือข่ายเยาวชนของค่ายเรา พร้อมที่จะกลับมาร่วมส่งต่อองค์ความรู้ให้แก่น้องๆ รุ่นใหม่อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เราจึงมีความมุ่งมั่นที่จะสานต่อการทำค่ายเยาวชนเพาเวอร์กรีนทั้งในปีนี้และปีต่อๆ ไปเพื่อเสริมแกร่งให้กับเครือข่ายเยาชนค่ายเพาเวอร์กรีน”
รองศาสตราจารย์ ดร.สุระ พัฒนเกียรติ คณบดีคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ค่ายเพาเวอร์กรีนเกิดขึ้นด้วยแนวคิดที่ตรงกันระหว่างบ้านปูและคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ต้องการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้แก่เยาวชน และสร้างแกนนำและเครือข่ายเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต
การกำหนดธีมของค่ายเพาเวอร์กรีนในแต่ละปีนั้น เราเลือกที่จะสังเกตความเคลื่อนไหวเรื่องสิ่งแวดล้อมในประเด็นต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนในวงกว้าง เพื่อนำมาพิจารณาและกำหนดเป็นแนวคิดหลักในการดำเนินกิจกรรมของค่ายฯ อย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ประเด็นความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศถือว่าเป็นประเด็นใหญ่ที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ เราจึงเลือกประเด็นนี้มากระตุ้นให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักและเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเรามุ่งหวังว่า ค่ายเพาเวอร์กรีนจะเป็นขุมพลังความรู้ที่สำคัญให้กับเยาวชน ช่วยสร้างกำลังสำคัญด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องต่อไป”
สำหรับการสานต่อค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Power Green Camp) ครั้งที่ 17 ในปีนี้ บ้านปูและมหิดลได้ร่วมกันจัดกิจกรรมภายใต้หัวข้อ “Climate Change, We Must Change – เริ่มเพื่อโลก” เพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ระดับชั้นมัธยมปลาย (ไม่จำกัดแผนการเรียน) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สมัครเข้ามาร่วมเรียนรู้ทุกประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทั้งภาคทฤษฎีแบบจัดเต็ม และการลงพื้นที่จริงในถ้ำ อุทยานและชายฝั่งทะเล เยาวชนที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมได้ โดยจะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้เท่านั้น