OR เตรียมปั้น “อุทยานอเมซอนลำปาง” พื้นที่ 600 ไร่ เพิ่มผลผลิตเมล็ดกาแฟ

ผู้ชมทั้งหมด 6,565 

ปัจจุบัน นักลงทุนทั่วโลก กำลังให้ความนิยมกับเทรนด์ ESG หรือ Environment, Social, Governance ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน โดยไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว  

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) สัดส่วนกว่า 40% หรือ อันดับที่ 1 ของประเทศ ได้ขับเคลื่อนการลงทุนผ่านวิสัยทัศน์และแนวคิดในการสร้างความยั่งยืน โดยนำเรื่องความยั่งยืนตามแนวทาง SDG ในแบบฉบับของ OR คือ S-Small โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก D-Diversified โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ G-Green โอกาสเพื่อสังคมสะอาด มาผสมผสานกับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นำสู่เป้าหมาย OR 2030 Goals มาติดตามและทบทวนอย่างต่อเนื่อง

โดย OR ได้นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริง แบบ In Action ตั้งแต่กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการและเป้าหมายธุรกิจจนเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น วิภาวดี 62 โครงการไทยเด็ด การพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน เป็นต้น

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR กล่าวว่า OR ได้รับการยอมรับให้เป็นต้นแบบในการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งในระดับสากลและระดับประเทศในปี 2566 โดยเป็นสมาชิกของ DJSI ที่มีผลคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรม Retailing ได้รับรางวัล Best Sustainability Awards จาก SET Sustainability Awards 2023 และได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating 2023 ระดับสูงสุด AAA ถือเป็นความภาคภูมิใจและตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของ OR เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างยั่งยืน เคียงข้างชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG ทั้ง 3 มิติ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองเรื่องของ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี

โดยปีนี้ ในส่วนของธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน OR มีแผนที่จะขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะในส่วนของต้นน้ำ ที่พบว่า ยังขาดแคลนเมล็ดกาแฟ ซึ่ง OR มีความต้องการใช้(ดีมานด์) เมล็ดกาแฟ อยู่ที่ประมาณ 6,000 ตันต่อปี และมีอัตราเติบโตขึ้นทุกปี ขณะที่ประเทศไทยมีความต้องการบริโภคกาแฟอยู่ที่ประมาณ 80,000 ตันต่อปี แต่มีอัตราการผลิตอยู่ที่ราว 20,000 ตันต่อปี ทำให้ต้องมีการนำเข้าเมล็ดกาแฟ ฉะนั้น OR จึงมีแนวคิดที่จะเข้าไปส่งเสริมการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟ จากที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยสนับสนุนการปลูกเท่านั้น เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ สร้างความยั่งยืนใหกับธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ

โดย OR เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เพื่ออนุมัติงบลงทุนสำหรับโครงการพัฒนาและวิจัยเพาะพันธุ์ต้นกล้ากาแฟ หรือ “อุทยานอเมซอนจังหวัดลำปาง” ขนาดพื้นที่ 600 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่OR มีอยู่แล้ว และอยู่ใกล้กับคลังน้ำมันของOR เบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 เฟส โดยแฟสแรก ขนาด 300 ไร่ อยู่ระหว่างปรับพื้นที่และขุดบ่อน้ำ จากนั้นจะก่อสร้างโรงเพาะชำ และโรงคั่วกาแฟขนาดเล็ก และจะมีการขยายเฟส 2 ขนาดอีก 300 ไร่ต่อไป คาดว่าจะสามารถเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจ.ลำปาง อย่างเป็นทางการได้ ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับเศรษฐกิจเมืองรอง ตลอดจนสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังได้รับการอนุมัติจากบอร์ดแล้ว จะสามารถเริ่มปลูกกาแฟได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งกาแฟที่เพาะปลูกจะป้อนให้กับร้านคาเฟ่ อเมซอนทั้งหมด

นอกจากนี้ ผู้บริหาร OR ยังได้ร่วมบอกเล่าตัวอย่าง “ความสำเร็จ” ผ่านการ “ลงมือทำ” ในทั้ง 3 มิติของ ESG ดังนั้น

ด้านสิ่งแวดล้อม (E – Environment)

นายวิศน สุนทราจารย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์องค์กรและความยั่งยืน เล่าว่า OR มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบที่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ตามหลักการ TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures) นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามหลักการ SBTi (Science Based Target Initiatives) และกำหนดกลยุทธ์ 3R ได้แก่ Reduce Remove และ Reinforce เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050

นายพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน กล่าวว่า OR ได้ปรับรูปแบบของสถานีบริการน้ำมัน “พีทีที สเตชั่น” ที่มีกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ และมีโครงข่ายร้านค้ารวมราว 22,000 สาขา เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไม่ว่าจะเป็นการขยายเครือข่าย EV Station PluZ รวมไปถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานีบริการน้ำมัน มุ่งเน้นการสร้าง “Green Station” โดยมีต้นแบบคือ พีทีที สเตชั่น วิภาวดี 62

โดยปัจจุบัน OR มี EV Station PluZ ประมาณ 1,300 หัวจ่าย และในปีนี้ มีแผนจะขยายอีกประมาณ 1,200 หัวจ่าย เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงาน ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมถึง ส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในปั๊มน้ำมัน เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ลดรายจ่ายค่าไฟฟ้าของสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งบางปั๊มมีรายจ่ายค่าไฟฟ้า ราว 2-3 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งปีนี้ มีแผนจะขยายการติดตั้งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เมกะวัตต์ และเป็นส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าสีเขียวในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนในอนาคตยังมองถึงการนำแบตเตอรี่(ESS) เข้ามาใช้งานในสถานีบริการน้ำมันด้วย

ด้านสังคม (S – Social)

นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR เล่าว่า การขับเคลื่อนธุรกิจร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่ได้ผนวกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมเข้าไปในการดำเนินธุรกิจ จากต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาเมล็ดกาแฟ ที่ส่งเสริมการปลูกกาแฟและรับซื้ออย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกร การดูแลชุมชนรอบโรงงานให้เกิดรายได้จากการจำหน่ายอาหารให้กับพนักงาน และร้าน “Café Amazon for Chance” ที่ช่วยสร้างอาชีพให้กับผู้พิการและกลุ่มเปราะบาง มุ่งจะเป็น “กาแฟที่แฟร์กับคนทั้งโลก”

นายโกสัลล์ ลิมอักษร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านศักยภาพองค์กร OR มองว่า การสร้างความยั่งยืนในองค์กรนั้น “คน” เป็นปัจจัยสำคัญ OR จึงปลูกฝัง OR DNA ให้กับพนักงานทุกคน พร้อมทั้งใช้ OR Academy ในการสร้างเสริมศักยภาพทั้งในการดำเนินธุรกิจและความยั่งยืนให้กับพนักงาน ไปจนถึงพันธมิตรทางธุรกิจ

ด้านการกำกับดูแลที่ดี (G – Governance & Economics)

นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการโครงการ ORion กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจและการสร้างนวัตกรรมในแบบฉบับของ OR ซึ่งมุ่งสู่การทำธุรกิจที่สามารถแก้ไขปัญหาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป โดยมีแอปพลิเคชัน xplORe ซึ่งถือเป็น Digital Platform หลักของ OR ในการขับเคลื่อนให้ OR เติบโตสู่ธุรกิจทั้งในอุตสาหกรรมเดิมและกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคตผ่านการทำ O2O (Online to Offline) รวมถึงการสนับสนุน SMEs ให้เติบโตร่วมกัน

นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน OR มองว่า ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยจะถูกหยิบยกมาเป็นเกณฑ์ในการลงทุน ทั้งในส่วนของนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน รวมถึงสถาบันการเงิน ผู้ให้กู้ จนถึงการคัดเลือกคู่ค้าในการทำธุรกิจ ดังนั้นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่น จะมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี รวมทั้งในเรื่องการกำกับดูแลที่ดี ก็เป็นอีกส่วนที่ OR ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าส่วนอื่น เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ OR ได้จัดงาน OR Sustainability : SDG In Action จัด ณ Synergy Hall ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (Energy Complex) โดยคำนึงถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อมภายใต้รูปแบบรักษ์โลกโดยดำเนินการตามเกณฑ์โครงการ “Care the Bear” ลดโลกร้อน ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และยังเป็นการจัดงานในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัล อีเว้นท์ (Carbon Neutral Event) ตามหลักเกณฑ์ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งจะมีการนำคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกมาชดเชยก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกิจกรรมในการจัดงานอีเว้นท์อีกด้วย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการจัดบูธนิทรรศการแสดงผลงานแบ่งออกเป็น 3 ด้านได้แก่ บูธด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) บูธเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และบูธการดำเนินงานเพื่อสังคม เพื่อบอกเล่าเรื่องราว การลงมือทำจริงของ OR ที่สะท้อนการดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลที่ดี ไปพร้อมกับการให้ความสำคัญและใส่ใจสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม