OR ตั้งเป้าปี66 รุกธุรกิจไลฟ์สไตล์เต็มสูบหนุนมาร์จิ้น

ผู้ชมทั้งหมด 454 

“โออาร์” ตั้งเป้ายอดขายปี66 โตรับเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้น ทุ่มกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท ลุยขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ หนุนมาร์จิ้น แตะ 25-29% จ่อเปิดปั๊มโฉมใหม่ “แฟล็กชิพสโตร์” เดือน พ.ค.นี้ ชูต้นแบบใช้เทคโนโลยีใหม่มุ่งพลังงานสะอาด ดันสู่ผู้นำอีวี พร้อมรุกติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในปั๊ม 300 แห่งปีนี้ เจาะบุกตลาดต่างประเทศเล็งขยายฐานในกัมพูชา

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 OR มุ่งมั่นสานต่อและผลักดันวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 31,197 ล้านบาท มุ่งเน้นการขยายและสร้างความแข็งแกร่งของ Business Value Chain ของ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 14,193 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ของงบลงทุน รองรับสำหรับการขยายสาขาร้าน Café Amazon ประมาณ 400 แห่ง และร้าน Texas Chicken รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรและการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ โดยนอกจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) แล้ว OR ยังให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness และ Tourism โดยตั้งเป้าหมายจะมีสัดส่วนมาร์จิ้นจากธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 25-29% ในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 25%

“ปี2565 ธุรกิจเดิมMobility ยังเป็นตัวนำในการขับเคลื่อนการเติบโตของOR แต่ในปีนี้ จะเน้น ธุรกิจ Lifestyle เพราะตอบโจทย์มาร์จิ้น ซึ่งในเดือนพ.ค.นี้ OR จะเปิดปั๊มน้ำมันโฉมใหม่ที่เป็นลักษณะ “แฟล็กชิพสโตร์” สาขาวิภาวดี 62 ที่จะเป็นปั๊มขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่ธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่มุ่นเน้นพลังงานสะอาด เช่น การติดตั้งปั๊มชาร์จอีวี และโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงมีระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน และนำAI เข้ามาใช้คำนวณการปล่อยคาร์บอนฯของรถแต่ละคันที่ผ่านเข้า-ออกปั๊ม ซึ่งปั๊มแฟล็กชิพสโตร์นี้ จะเป็นต้นแบบขยายไปสู่ปั๊มแฟล็กชิพสโตร์อื่นๆของ ORมากขึ้นในอนาคต โดยคาดว่า ปั๊มแฟล็กชิพสโตร์สาขาแรกจะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือนพ.ค.นี้ และแห่งที่สอง ประมาณไตรมาส3

ด้าน กลุ่มธุรกิจ Mobility มุ่งรักษาความเป็นผู้นำใน Mobility Ecosystem ทั้งในแง่การขยายสาขา PTT Station ที่มีเป้าหมายขยายเพิ่มปะลประมาณ 100 แห่ง และ EV Station PluZ ปีนี้จะเพิ่ม 500  เครื่องชาร์จ จากปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 300 เครื่องชาร์จ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย EV Station PluZ จำนวน 7,000 เครื่องชาร์จ ภายในปี 2573 หรือก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน EV ในประเทศไทย ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจ EV ของกลุ่ม ปตท. อย่างเป็นระบบ

รวมไปถึงการลงทุนใน Green Energy เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของแหล่งพลังงาน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 6,799 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% ของงบลงทุน

“ปีนี้ คาดว่า วอลุ่มการขายน้ำมันของ OR จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายเกือบ 8 แสนล้านบาท ซึ่งขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจที่มีการคาดการณ์ว่าปีนี้ GDP ไทย จะเติบโตระดับ 3.7% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 2.6% ขณะที่การท่องเที่ยวมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะการเปิดประเทศของจีนที่จะทำให้เกิดความคึกคักมากขึ้น ก็จะช่วยหนุนยอดขายน้ำมันเครื่องบิน(Jet) กลับไปสู่ระดับใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปีนี้”

อย่างไรก็ตาม OR คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปีนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 80-89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจากปี2565 ที่ราคาปิด ณ สิ้นปีอยู่ที่ 96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยOR ยังคงเป้าหมายรักษาส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) เบอร์ 1 จากปัจจุบันอยู่ที่ 43.2%

สำหรับ กลุ่มธุรกิจ Global ยังคงมุ่งขยายการลงทุนในการเปิด PTT Station และ Café Amazon ผ่านบริษัทในเครือในต่างประเทศ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในประเทศที่ OR ได้เข้าไปดำเนินการแล้ว พร้อมแสวงหาโอกาสในการลงทุนในประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 4,954 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของงบลงทุน ซึ่งปีนี้ จะเน้นการเจาะตลาดในกัมพูชามากขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้น 6.2% จากปีก่อนเติบโต 5.1% และกัมพูชา เป็นประเทศที่ไม่มีโรงกลั่นน้ำมัน จึงจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมัน โดยการเจาะตลาดจะเน้นทั้ง ธุรกิจ Mobility และธุรกิจ Lifestyle

ส่วน กลุ่มธุรกิจ OR Innovation มุ่งแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างนวัตกรรมในแบบฉบับของ OR เพื่อเป็นต้นแบบขององค์กรสมัยใหม่ และทำให้ OR เติบโตไปพร้อมกับผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 5,251 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของงบลงทุน

ทั้งนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด โดยล่าสุด OR ได้รับการคัดเลือกจาก S&P Global ให้อยู่ในทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน “The Sustainability Yearbook 2023” กลุ่มธุรกิจ Retailing ภายหลังจาก OR เข้าร่วมประเมินความยั่งยืนในระดับสากลในปีแรกที่เข้าร่วม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ของ OR ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม มิติเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการ สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินระดับสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)

นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่าปี2565 ตลาดการค้าน้ำมันของประเทศโต 15% ขณะที่OR โต 18% หรือมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น 1.2% อยู่ที่ 43.2% ซึ่งในส่วนของตลาดยานยนต์ปีนี้ก็ยังมีทิศทางการเติบโตขึ้น โดยเฉพาะเบนซินและดีเซล ขณะที่น้ำมัน Jet ก็จะได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จึงคงเป้าหมายที่จะรักษามาร์เก็ตแชร์ เบอร์ 1 ในส่วนของยอดขายน้ำมัน Jet ไว้ที่ 49% ให้ได้

นอกจากนี้ ในปีนี้ OR คาดว่า จะได้รับประโยชน์จากยอดขายน้ำมันดีเซลพรีเมี่ยมที่เพิ่มขึ้น หลักจากภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการภาษีและปรับเพิ่มค่าการตลาดสู่ระดับปกติ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างราคาระหว่างดีเซล กับดีเซลพรีเมี่ยมแคบลง จากปัจจุบันมีส่วนต่างถึง 9 บาทต่อลิตร

โดยในส่วนของยอดขายน้ำมันปีนี้ มีโอกาสจะเพิ่มขึ้นกว่าระดับ 8 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา หากราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นจากสมมติฐานที่ตั้งไว้ ขณะที่ธุรกิจLifestyle เดิมที่ผ่านมาเติบโต 2 หลัก มีสัดส่วนมาร์จิ้นอยู่ที่ 25.5% ปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโต 2 หลักเช่นกัน

ส่วนแผนขยายการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในปั๊มน้ำมัน PTT Station นั้น ปีนี้คาดว่าจะติดตั้งเพิ่มประมาณ 300 แห่ง จากที่มีอยู่ประมาณ 100 แห่ง ร่วมเป็น 400 แห่งในช่วงสิ้นปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดกว้างหลายแนวทางเพื่อให้มีพันธมิตรที่หลากหลายเข้ามาร่วมลงทุนติดตั้ง โดยน่าจะเห็นการทยอยลงทุนติดตั้งชัดเจนขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้

ขณะที่ ธุรกิจ Lifestyle ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง OR กับพันธมิตรบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด พัฒนาโครงการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่ม (RTD) เพื่อตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น