ผู้ชมทั้งหมด 1,301
“โออาร์” ตั้งเป้ายอดขายปี67 โต 3-4% จากปี66 รับเศรษฐกิจฟื้น นักท่องเที่ยวเพิ่มหนุนปริมาณขายน้ำมันเครื่องบิน หนุนผลประกอบการทั้งปีโตขึ้นจากปี 66 พร้อมทุ่มงบลงทุนปีนี้ 23,000 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจ แย้มจ่อปิดดีลธุรกิจอาหารในเร็วๆนี้
นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR เปิดเผยในงาน Oppday Year End 2023 OR วันที่ 23 ก.พ.2567 โดยระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 คาดว่า จะเติบโตขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้ อยู่ที่ 769,224 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเติบโตขึ้นตามยอดขายน้ำมันที่คาดว่าจะเติบโตตามทิศทางอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ(GDP) ในปี 2567 ที่ประมาณการอยู่ที่ 2.2-3.2% และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 35 ล้านคน ซึ่งจะหนุนยอดขายในส่วนของน้ำมันเครื่องบิน(Jet) ให้กลับมาอยู่ในระดับเท่ากับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในส่วนของยอดขายน้ำมันของ OR ปกติแล้วจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 3-4%
ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจในปี 2567 จะมาจากการขยายตัวของยอดขายในธุรกิจเดิมแล้ว ในส่วนของธุรกิจใหม่ก็จะเติบโตตามการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจ Mobility และ ธุรกิจ Lifestyle จึงถือว่าเป็นปีที่มีผลการดำเนินงานในทิศทางเป็นบวกสำหรับOR
โดยในปี 2567 บริษัทตั้งงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 23,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจ Mobility อยู่ที่ 8,800 ล้านบาท ธุรกิจ Lifestyle อยู่ที่ 10,100 ล้านบาท ธุรกิจ Global อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และธุรกิจ Innovation & Business อีก 2,100 ล้านบาท
“ขณะนี้ OR มีดีลธุรกิจใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาหลายดีล แต่มีอยู่ 1 ธุรกิจคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในเร็วๆนี้ คือ ธุรกิจอาหาร”
นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัท มีแผนจะขยายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ที่มุ่งเน้นในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น เพิ่มขึ้นประมาณ 550 แห่ง เพื่อไปสู่เป้าหมายติดตั้ง หัวชาร์จ DC ให้ได้ 7,000 หัวในปี 2573 แต่หากในอนาคตจำนวนรถอีวีเพิ่มขึ้น OR ก็พร้อมปรับเป้าหมายการลงทุนให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนแผนขยายสาขาร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ซึ่งในปี 2566 มีอยู่ 1,004 สาขานั้น ทางพันธมิตรมีแผนจะขยายการลงทุนในปีนี้ราว 340 สาขา จะเป็นการขยายในเครือข่ายของ OR ประมาณ 40 สาขา และพื้นที่นอกเครือข่ายของ OR อีก 300 สาขา
“แนวโน้มค่าการตลาดในไตรมาส 1ปีนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะประเมิน แต่หากพูดถึงในส่วนของกำไรขั้นต้นต่อลิตร เดิมจะอยู่ในกรอบ 70 สตางค์ ถึง 1.20 บาทต่อลิตร ซึ่งในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 99 สตางค์ ฉะนั้นก็คาดว่า ไตรมาส1 ก็คงอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยปีนี้ OR คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ในกรอบ 78-81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่อัตราเงินบาท คาดว่า จะอยู่ในกรอบ 34.3-35.3 บาทต่อดอลลาร์ฯ”
สำหรับสิ้นปี 2566 OR มีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมัน(มาร์เก็ตแชร์) เป็นเบอร์1 ของประเทศ อยู่ที่ระดับ 42.2% มีสถานีบริการ PTT Station ทั้งสิ้น 2,652 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 2,253 แห่ง ในต่างประเทศ 399 แห่ง มีร้านคาเฟ่ อเมซอน อยู่ที่ 4,552 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศ 4,159 แห่ง ในต่างประเทศ 393 แห่ง มีสถานีชาร์จ EV Station PluZ จำนวน 859 แห่ง หรือ ติดตั้ง 1,618 หัวชาร์จ ครอบคลุม 77 จังหวัด และมีร้าน Convenience Store จำนวน 2,317 สาขา