ผู้ชมทั้งหมด 2,160
NEX มั่นใจปี 65 ผลงานเติบโตในทิศทางบวก หลังมีออเดอร์ผลิตรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้าทะลัก 3,000 คัน พร้อมลุ้นคว้าออเดอร์รถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. กว่า 2,511 คัน ปี 66 พร้อมเล็งขยายตลาดอาเซียน
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตเป็นอย่างดี เนื่องจากในปีนี้บริษัทมียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) รถยนต์ไฟฟ้าแล้ว 3,000 คัน โดยในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของรถบัสไฟฟ้าราว 80% รถบรรทุกไฟฟ้า 20% ซึ่งการผลิตรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้าราคาขายจะเฉลี่ยในระดับ 5 ล้านบาทต่อคัน
ขณะที่โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA นั้นคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มกำลังการผลิต 100% หรือประมาณ 3,000 คันในไตรมาส 1/2565 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของ NEX
อย่างไรก็ตามในอนาคตคาดว่ายอดสั่งซื้อรถบรรทุกไฟฟ้าจะมีสัดส่วนที่เพิ่มมากกว่ารถบัสไฟฟ้า เนื่องจากปริมาณรถในตลาดมีจำนวนมาก เพราะในขณะนี้กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่สนใจเป็นกลุ่มลูกค้ารถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปนั้นมีประมาณ 1,000 คันที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าเพื่อทดแทนรถที่ใช้น้ำมัน เนื่องจากเริ่มตื่นตัวกับกระแสลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบกับราคาน้ำมันแพงส่งผลให้ลูกค้าสนใจที่จะทยอยเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้า
ส่วนโครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้า จำนวน 2,511 คันมาวิ่งให้บริการประชาชนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการขสมก. หากได้ข้อสรุปหรือมีความชัดเจนในปีนี้ก็จะเป็นปัจจัยหนุนต่อ NEX เนื่องจาก NEX มีโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายเดียวในประเทศไทยก็จะมีโอกาสที่จะได้รับคำสั่งซื้อรถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนี้แล้วบริษัทฯ ยังมีแผนขยายตลาดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับ บริษัท ทีซี อินดัสเตรียล อิควิปเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TCIE ในเครือกลุ่มบริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ล็อตเต้ เรนท์-อะ-คาร์ (ไทยแลนด์) จํากัด เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีหลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญในการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย ก็จะเป็นกลุ่มเป้าหมายของ NEX อย่างไรก็ตามการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังต่างประเทศนั้นต้องขอใบอนุญาตในการนำเข้าจากแต่ละประเทศก่อน ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะได้เห็นการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน