ผู้ชมทั้งหมด 558
IRPC วางเป้าเพิ่มสัดส่วนการผลิตเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษ เป็น 52% ในปี 68 พร้อมรุกตลาดส่วนประกอบอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองและชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรรับกระแสเทรนด์รักษ์โลกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม Smart Material & Smart Energy
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือIRPC เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทรนด์พลังงานสะอาดเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกต่างกำลังให้ความสนใจ และเตรียมตัวเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เชื้อเพลิงที่เป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) จึงเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล
รวมทั้งประเทศไทยกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นฐานการผลิต EV และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรม S-Curve ภายใต้แผนการลงทุน EEC เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์กักเก็บพลังงานสำรอง ซึ่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว ของ IRPC ที่พร้อมคิดค้น วิจัยพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ IRPC ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนานวัตกรรมวัสดุและพลังงาน เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกรูปแบบในอนาคต การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นก้าวที่สำคัญของ IRPC ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยศักยภาพ ความพร้อม ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
โครงการ Acetylene Black for Li-ion Battery วัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ (Li-ion battery) สำหรับรองรับเทรนด์ EV โดยเพิ่มคุณสมบัติให้มีความพิเศษมากขึ้นในเรื่องความบริสุทธิ์และการนำไฟฟ้าสูง ช่วยลดเวลาการอัดประจุไฟฟ้า กำลังการผลิต 1.2 KTA รวมถึงอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรอง (Energy Storage) คาดว่าจะพร้อมดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ต้นปี 2570
โครงการขยายกำลังการผลิต ABS โดยใช้ Agglomeration Technology กำลังการผลิต 9.8 KTA เน้นตลาดกลุ่มEV, charging station, drone, รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า โครงการนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับ IRPC ในส่วนของการผลิต ABS Powder จากการใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการผลิต คาดว่าจะพร้อมดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ปลายปี 2568
ขณะเดียวกัน IRPC ยังได้วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนการขายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษ (Specialty) จาก 24% ในปี2565 เป็น 52% ในปี 2568 และอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาวัสดุที่เป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่ที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนารถยนต์ EV เช่น Battery Separator และ Li-ion Anode รวมถึงได้ร่วมทุนกับบริษัท เจแปน โพลิโพรพิลีนคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ JPP โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 ของบริษัท ไมเท็กซ์ โพลิเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Mytex Polymers (Thailand) Co. Ltd) รุกตลาดเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษพีพีคอมพาวด์ (Polypropylene Compound: PP Compound) ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ IRPC ยังได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการและสถานศึกษา โดย วิทยาลัยเทคโนโลยี ไออาร์พีซี หรือ IRPCT ร่วมกับบริษัท อรุณพลัส จำกัด หรือ ARUN PLUS พัฒนาหลักสูตรและสนับสนุนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้าน EV เพื่อให้นักศึกษาที่สนใจได้มีโอกาสเข้าฝึกงานในบริษัทด้าน EV ของกลุ่ม ปตท. ที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แล้วในปัจจุบัน เช่น on-ion EV Charging Station หรือ Swap & Go สถานีบริการเปลี่ยนสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์แบบไม่ต้องรอชาร์จ รวมถึงโรงงานผลิต EV ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง ARUN PLUS และ Foxconn