ผู้ชมทั้งหมด 1,715
ไออาร์พีซี คาด ไตรมาส 2 ปีนี้ ไม่เผชิญปัญหาขาดทุนสต็อกน้ำมันเท่ากับไตรมาส 1 ลุ้นผลประกอบการทั้งปีนี้ดีขึ้น สอดรับวอลุ่มการผลิตเพิ่ม เร่งสัดส่วนการขายผลิตเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษ (Specialty) แตะ 30% พร้อมตั้งเป้าหั่นรายจ่ายไม่จำเป็น 20% เล็งหาพันธมิตรจีน ขยายส่งออกเม็ดพลาสติกรับเทรนด์รถอีวีขยายตัว
นางสาวสมฤดี เจริญครองสกุล ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส บริหารเงิน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) IRPC เปิดเผยในงาน Oppday Q1/2023 บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) IRPC เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2566 โดยระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 คาดว่า ในส่วนของรายได้รวมทั้งปีนี้ เทียบกับปี 2565 อาจจะไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องทิศทางราคาน้ำมันดิบในปี 2565 ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสูงมากในระดับเกือบ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในปีนี้ คาดว่า จะอยู่ที่ระดับ 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในแง่ของบริษัท จะโฟกัสเรื่องของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์(สเปรด) มากกกว่า ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าในส่วนของราคาน้ำมันดิบจะมีผลกระทบต่อเรื่องของการสต็อกน้ำมันว่าจะเป็นบวกหรือเป็นลบ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกำลังการผลิตในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 เนื่องจากในปี2565 มีปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในช่วงปลายปีซึ่งมีอัตราเดินเครื่องการผลิตเฉลี่ยทั้งปีอยู่ระดับ 170 KBD แต่ในปีนี้ ปัจจุบันมีอัตราเดินเครื่องการผลิตอยู่ที่ 196 KBD และช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังมีอัตราเดินเครื่องการผลิต ไม่เกิน 200 KBD
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ ยังต้องติดตามดูทิศทางของ Crude premium ซึ่งในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ก็ลดลงจากปี 2565 อยู่ที่ระดับ 9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยช่วงไตรมาส 2-3 ยังมองว่าจะปรับตัวลดลงต่อก็จะเป็นปัจจัยกดดันต่อบริษัท ขณะที่ตลาดปิโตรเคมี แม้จะมีทิศทางฟื้นตัวแต่ยังเป็นลักษณะทยอยปรับตัวดีขึ้น เช่น สเปรดของPP เพิ่มขึ้นจาก 400 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 450 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ในส่วนของปิโตรเลียม ตัวของดีเซลสเปรดเริ่มลดลง ก็ต้องตามทิศทางราคาในระยะต่อไป รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงมาอยู่ในระดับใกล้ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ใกล้เคียงกับกับต้นทุนในปัจจุบัน ฉะนั้น เรื่องการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่ไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 2.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็อาจจะดูดีขึ้น หรือไม่เกิดผลลบรุนแรงเท่ากับไตรมาส1 ที่ผ่านมา
นางสาวเอธิตา อนันตธุรการ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส การเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) IRPC กล่าวว่า สำหรับแผนขับเคลื่อนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น บริษัทได้มอนิเตอร์สถานการณ์ต่างๆ และเตรียมจัดทำแผนรองรับการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งการเดินเครื่องการผลิตเต็มกำลัง เพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการผลิต รวมถึงในสายงานต่างๆจะพิจารณาเรื่องของงบลงทุนและรายจ่าย ให้เกิดประสิทธิภาพ โดยปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายลดภาระรายจ่ายลง 20%
ส่วนเรื่องของการขายและการตลาด จะมอนิเตอร์ผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อให้สามารถหาช่องทางการขายให้ได้มากขึ้น รวมถึงหาตลาดส่งออกใหม่ๆเพิ่มขึ้น ตลอดจนมีความร่วมมือกับกลุ่มปตท.ในการจัดหาน้ำมันดิบ และขายน้ำมันต่างๆ เพื่อแชร์ต้นทุนและมาร์จิ้นร่วมกัน ก็จะช่วยเรื่องการบริหารจัดการรายได้ให้กับบริษัทได้ส่วนหนึ่ง อีกทั้ง จะเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษ (Specialty) ที่มีสเปรดค่อนข้างสูง ให้อยู่ในระดับ 30% ในปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับลดการสต็อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรับมือกับราคาปิโตรเคมีที่ผันผวน และป้องกันการขาดทุนจากการสต็อกน้ำมันมากเกินไป ซึ่งล่าสุดสามารถปรับลด Inventory เหลือ 8 ล้านบาร์เรล จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัทลูก ปีนี้ทางการลงทุนในโครงการ Innopolymed ที่ผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Medical Consumables) คาดว่าจะเริ่มการผลิตและจำหน่ายได้ภายในปีนี้ ก็จะมีรายได้เข้ามาเพิ่มจากส่วนนี้ด้วย
และในส่วนของธุรกิจยานยนต์ เช่น ตัว IRPC A&L ที่ขายเม็ดพลาสติกให้กับอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับทางญี่ปุ่น ก็จะขายผลิตภัณฑ์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น เช่น ABS ตลอดจนจะมีการหาตลาดในธุรกิจของรถยนต์นอกจากญี่ปุ่น ก็จะมุ่งหาพันธมิตรจีน เพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project: UCF) งบประมาณโครกงการอยู่ที่ 13,300 ล้านบาท ณ เดือนเม.ย.นี้ คืบการก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 85% จะแล้วเสร็จตามแผนที่จะเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์(COD) ในช่วงม.ค. ปี 2567