ผู้ชมทั้งหมด 77
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำระดับโลกด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ เดินหน้าเสริมศักยภาพ โรงกลั่นชีวภาพครบวงจร (Biorefinery) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากความสำเร็จในการผลิต เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) รายแรกของไทย สู่การต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ เคมีชีวภาพ (Bio-Chemicals) และ พลาสติกชีวภาพ (Bio-Polymers) มูลค่าสูง ตอบโจทย์ตลาดโลกที่ต้องการวัสดุทดแทนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
GC ชูแนวคิด High Value & Low Carbon Business มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่แตกต่างและยั่งยืน พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมชีวภาพของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และยืนหนึ่งบนเวทีการแข่งขันระดับสากล
ต่อยอดความเชี่ยวชาญ สู่ผลิตภัณฑ์ชีวภาพแห่งอนาคต
GC ไม่หยุดแค่เชื้อเพลิง SAF แต่ยังขยายขีดความสามารถของกระบวนการ Co-processing โดยนำน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพหลากหลายชนิด ซึ่งได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้วถึง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่:
- Bio-Propylene: สำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ พลาสติกแข็ง ของเล่น และชิ้นส่วนยานยนต์
- Bio-Butadiene (Bio-BD): ใช้ในอุตสาหกรรมยางรถยนต์และรองเท้ากีฬา
- Bio-PTA: วัตถุดิบสำคัญสำหรับเส้นใยโพลีเอสเตอร์และขวด PET

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น Bio-Naphtha, Bio-PE และ Bio-MEG สำหรับรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อาหาร และสิ่งทอในอนาคต
สร้างมูลค่าให้เกษตรกรรมไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
โรงกลั่นชีวภาพของ GC มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบเกษตรและของเสียในประเทศ ด้วยการผลิตวัสดุที่มีคุณภาพเทียบเท่าฟอสซิลแต่ปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดของเสีย และสร้างรายได้ให้กับชุมชน สอดรับกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่ประเทศไทยให้การส่งเสริม
ก้าวสู่อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ ด้วยมาตรฐานระดับโลก
ผลิตภัณฑ์ชีวภาพของ GC ผ่านการรับรอง ISCC PLUS ซึ่งเป็นมาตรฐานสากรด้านความยั่งยืน ช่วยให้แบรนด์ปลายทางสามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ของ GC กล่าวว่า “เรามุ่งต่อยอดศักยภาพของ Biorefinery ให้เป็นแหล่งผลิตวัสดุชีวภาพที่ใช้ทดแทนฟอสซิลได้อย่างแท้จริง พร้อมผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนทั้งในประเทศและระดับโลก”