ผู้ชมทั้งหมด 958
จีซี แนะทุกภาคส่วนนำหลัก Circular Economy ปรับใช้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่สมดุลเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างกำไรธุรกิจควบคู่ความยั่งยืน ชี้ช่วยหนุน GDP เพิ่มไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาทใน 10 ปี
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GC บรรยายพิเศษ “ Circular Economy สร้างสมดุล เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ในงาน Virtual Forum Thailand Next EP. 3 : Circular Economy นวัตกรรมเพื่ออนาคต ที่จัดขึ้นโดยเครือเนชั่น กรุ๊ป โดยระบุว่า ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอื่นๆ ควรนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร เนื่องจากเป็นหลักที่จะช่วยลดต้นทุนและยังสร้างกำไร
พร้อมขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างยั่งยืน ซึ่ง Circular Economy เป็นการสร้างสมดุลใน 3 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และยังช่วยบริหารจัดการความเสี่ยง สร้างเสถียรภาพให้กับองค์กร เพราะ Circular Economy จะเป็นการนำเอาวัตถุดิบนำกลับมาใช้ใหม่ได้หมด หรือครบวงจร ช่วยลดการใช้ทรัพยากร ด้วย 4 หลักการ คือ 1.ปรับการใช้วัตถุดิบ 2.ผลิตอย่างรู้คุณค่า 3.ใช้งานให้คุ้มค่า และ4.คัดแยะและรีไซเคิล
ทั้งนี้ GC ได้นำ หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้ใน 3 เรื่อง คือ 1.SMART OPARTIIN ซึ่งเป็นการ Operate ให้ดี ลด Waste ใช้ทรัพยากรน้อย เช่น การลดปล่อยของเสียในกระบวนการผลิต ลดการใช้น้ำ ปรับปรุงประสิทธิภาพ นำพลังงานสะอาดมากใช้ เป็นต้น
2. Responsible Caring ซึ่งเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ยั่งยืนและดีต่อโลก เช่น การทำเรื่องรีไซเคิล พัฒนาผลิตภัณฑ์ไบโอเบส แลดีไซน์ให้ตอบโจทย์
และ3.Loop Connection ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วม เช่นการทำโครงการ You เทิร์น หรือ “พลาสติกเทิร์นสุข” ร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน จัดทำแพลตฟอร์มเพื่อจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร ตั้งแต่การรวบรวมและคัดแยกขยะ การขนส่งขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบ กระบวนการรีไซเคิล และกระบวนการแปรรูปจนได้กลับมาเป็นสินค้าอัพไซคลิงซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้ Circular Economy ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาโลกร้อน และ GC ก็ตั้งเป้าหมาย “Together to NET ZERO” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลง 20% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
โดยจะดำเนินการผ่าน 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.Efficiency-driven การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ 2. Portfolio-driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน และ 3. Compensation-driven เป็นเสาหลักสุดท้ายของกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
ทั้งนี้ Circular Economy ยังจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ โดยประมาณการณ์ว่าจะสร้างการเติบโตของ GDP เพิ่มไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 1.0% ของGDP สร้างงานใหม่ และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
“ผมมองว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก วันนี้ ไม่ต้องรอให้กลไกการค้าโลก บังคับให้ต้องทำเรื่อง Circular Economy หรือ ถูกกดดันแล้วค่อยทำ แต่ควรทำให้เป็นโอกาส เพราะการทำเรื่องนี้ไม่ว่าระยะสั้น กลาง ยาว องค์กรจะได้ประโยชน์จากกำไร ลดต้นทุน ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นหนทางสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจในอนาคต”