EGCO ลุ้นผลงานปี68 โตต่อเนื่อง รับรู้รายได้เต็มปีโครงการ Yunlin

ผู้ชมทั้งหมด 86 

EGCO หวังผลการดำงานปี2568 โตต่อเนื่อง รับรู้รายได้เต็มปี โครงการ Yunlin ขณะที่ APEX ทยอย COD อีก 6 โครงการในปีนี้ ส่วน Quezon เตรียมเซ็นสัญญาขายไฟฟ้าใหม่เร็วๆนี้ ลั่นอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางที่เหมาะสมในการซื้อหุ้นคืน

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยในงาน Oppday year-end 2024 EGCO เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2568 โดยระบุว่าแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2568 ยังอยู่ภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” 3 โดยจะมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทั้งจากการรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรกจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบสมบูรณ์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน ซึ่งโครงการนี้ ได้ประเมินว่าจะสร้างกระแสเงินสดกลับเข้ามาในช่วง 10 ปีแรก ประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

รวมถึงการรับรู้รายได้จากการขายโครงการพลังงานหมุนเวียนและการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของ APEX ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 6 โครงการ กำลังผลิตรวม 841 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา โดยจะมี 5 โครงการที่เตรียมเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์(COD)ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ และอีก 1 โครงการ คาดว่าจะ COD ไตรมาส 4 ปีนี้

และการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ (หลังจากสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับปัจจุบันกับ Meralco ในเดือนพฤษภาคม 2568) กำลังผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ในเร็วๆนี้ จากนั้นบริษัทจะเข้าไปดำเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าและเดินเครื่องการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งจะสนับสนุนรายได้ให้กับบริษัทต่อเนื่อง

“โครงการโรงไฟฟ้าในไทย ที่จะหมดสัญญาในระยะใกล้ยังไม่มี ที่จะมีต่อไป คือ โรงไฟฟ้ายะลา กรีน ที่จะหมดอายุในปี 2574 อีก 5 ปีข้างหน้า โครงการนี้ บริษัทถือหุ้น 50% ก็น่าจะกระทบประมาณ 10 เมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อเทียบกับพอร์ตไฟฟ้ารวมของบริษัทถือว่าเป็นส่วนน้อยเท่านั้น”

นอกจากนี้ ในส่วนของการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ RE Biglot รอบที่ 2 ในรูปแบบ Feed-in Tarff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ซึ่ง EGCO Group ได้รับการคัดเลือกจำนวน 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์ ขณะนี้ ยังรอความชัดเจนจากภาครัฐในการพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ หากมีความชัดเจนแล้ว ก็จะสามารถกำหนดแบบแผนในการเดินหน้าโครงการต่อไปได้ เบื้องต้นยังไม่มีผลกระทบต่อบริษัท

ส่วนแผนการซื้อหุ้นคืนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งก็มีประมาณ 3-4 ทางเลือก และต้องศึกษาในทุกรูปแบบเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด และนำเสนอต่อคณะกรรมการของบริษัท เพื่อพิจารณาต่อไป

อย่างไรก็ตาม บริษัท ยังเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง  3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนี้จะขับเคลื่อน ด้วยกลยุทธ์ “Triple P” 3 ด้าน ได้แก่

• Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้น อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้น ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

• Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและรากฐานความแข็งแกร่งของ EGCO Group ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว 7 ประเทศ ด้วยการตั้งงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท 

• Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน (Operational Excellence) ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ (Asset Recycling) ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในระดับสากล ตลอดจนปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

ปัจจุบัน EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,608 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,350 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 20% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่งเซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา