EGCO ครึ่งปีหลังเล็งปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าใหม่ หนุนกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 8,000 MW

ผู้ชมทั้งหมด 388 

EGCO ครึ่งปีหลังเล็งปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าทั้งในไทย สหรัฐฯ เติมกำลังการผลิตใหม่ 1,000 เมกะวัตต์ ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเป็น 8,000 เมกะวัตต์ ในปีนี้ มั่นใจภาพรวมรายได้ปี 67 โตแกร่ง หลัง COD กว่า 7 โครงการ 211 เมกะวัตต์

ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า ในปีนี้มั่นในว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มได้ตามเป้าหมายกว่า 1,000 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ บริษัทจะเน้นทั้งโครงการที่ใช้เชื้อเพลิงแบบ conventional หรือโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียนใน 8 ประเทศที่ EGCO มีการลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา 2-3 โครงการในประเทศสหรัฐอเมริกา และในประเทศไทยคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปีนี้ หากสามารถปิดดีลได้ตามเป้าหมายในปีนี้ก็จะส่งผลให้บริษัทมีกำลัการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 8,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 7,003 เมกะวัตต์

“ปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 30,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 15,000-16,000 ล้านบาท เหลืออีกประมาณ15,000-16,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากสามารถปิดดีลโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 30,000 ล้านบาทก็มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงิน แต่หากปิดดีลมูลค่าไม่ถึง 10,000 ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องกู้เงิน”

ดร.จิราพร กล่าวถึงรายได้ในปีนี้ว่า คาดว่าจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 จะรับรู้รายได้ของ APEX จากการขายโครงการและจาก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่มีแผนจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2567 เข้ามา 211 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 17.46% และจะได้รับปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่คาดจะเพิ่มขึ้น 1,000 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้รายได้จากการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ก็สามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง รวมทั้งโอกาสในการเจรจาสัญญาใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดสัญญา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567

นอกจากนั้น การลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และโครงการแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3/2567 และจะทยอยแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) บางส่วน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco

ส่วนความคืบหน้าขิงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน มีความก้าวหน้าตามแผนงานเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 75 ต้น ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generators – WTGs) เสร็จเรียบร้อยแล้ว 50 ต้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนที่กำหนดอย่างแน่นอน

ดร.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า EGCO Group มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ กำลังผลิตประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ ส่วนขยาย ที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้ร่างแผน PDP 2024 ตลอดจนยังได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคตด้วย