ผู้ชมทั้งหมด 1,269
EGCO เตรียมหารือก.พลังงาน กฟผ.เสนอสร้างโรงไฟฟ้าขนอมส่วนขยาย 1,800 เมกะวัต์ บรรจุในแผนพลังงานชาติ ชี้มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งท่อก๊าซ และพื้นที่ ขณะโรงไฟฟ้าชุมชนมีความพร้อม 10 พื้นที่ทั้งภาคใต้และอีสาน พร้อมร่วมประมูลโซลาร์ลอยน้ำ
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมหารือกับกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเสนอให้บรรจุสร้างโรงไฟฟ้าส่วนขยายในพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งศักยภาพพื้นที่สามารถรองรับได้อีก 2 ยูนิต ยูนิตละ 900 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ให้บรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติ นอกจากนี้ในพื้นที่โรงไฟฟ้าขนอมยังมีความพร้อมเรื่องท่อก๊าซธรรมชาติรองรับเชื่อมต่อป้อนโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้มีต้นทุนต่ำลงในการสร้างโรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้นั้นมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย การท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้ากลับมาเติบโตเช่นเดิม ขณะที่การเชื่อมต่อสายส่งจากภาคกลางมายังภาคใต้นั้นอาจจะมีศักยภาพไม่เพียงต่อความต้องการไฟฟ้าในอนาคต ดังนั้นการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่จะช่วยให้มีความมั่นคงมากกว่า ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1-2 กำลังผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ ของ กฟผ.ตามแผนPDP2018 ที่กำหนดไว้ในปี2570และ2572 นั้น EGCO มีส่วนรวมในงานติดตั้งระบบ (OEM)
อย่างไรก็ตามการขยายการลงทุนในประเทศไทยนั้นยังไม่มีโครงการใหญ่ ซึ่งก็มีแต่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากนำร่อง 150 เมกะวัตต์ที่มีความชัดเจน โดยบริษัทได้เจรจากับวิสาหกิจชุมชน และดำเนินทำข้อตกลงไว้ 10 โครงการทั้งในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงชีวมวล กับชีวภาพ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 250 -300 ล้านบาทต่อโรง หรือประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์
อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าชุมชนนั้นอาจจะไม่ใช่โครงการที่ทำกำไร แต่ถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่ช่วยรัฐบาลกระตุ่นเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน เชื้อเพลิงเป็นดัชนีสำคัญชี้วัดว่าโครงการจะไปรอดหรือไม่ ดังนั้นพืชพลังงานที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงต้องมาจากการเพาะปลูกพืชโตเร็ว และต้องมีการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง (contract farming) เพื่อให้สามารถป้อนเชื้อเพลิงได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุสัญญาไฟฟ้า สามารถลดปัจจัยเสี่ยงเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบ
ส่วนโรงไฟฟ้าขยะชุมชน EGCO ก็ให้ความสนใจเช่นกันแต่ต้องรอความชัดเจนเรื่องนโยบายของภาครัฐก่อน โดยเฉพาะความชัดเจนในเรื่องพื้นที่ความรับผิดชอบ ส่วนโครงการโซลาร์ลอยน้ำในเขื่อนของ กฟผ. นั้น EGCO ก็สนใจเข้าร่วมประมูล หรือร่วมลงทุน โดยล่าสุด กฟผ.เตรียมออกเงื้อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการโซลาร์ลอยน้ำ ( Hydro Floating Solar Hybrid System ) ที่เขื่อนอุบลรัตน์ ขนาด 24 เมกะวัตต์ ได้ภายในปีนี้ EGCO ก็สนใจที่จะเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกัน
นายเทพรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้จะมีโรงไฟฟ้าของ EGCO ที่จะหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ได้แก่ โรงไฟฟ้าหนองแค กำลังการผลิต 56.5 เมกะวัตต์ ส่วนโรงไฟฟ้าเอ็กโก โครเจน กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ จะหมดอายุสัญญา ในปี 2566 อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากโรงไฟฟ้าเอ็กโก โครเจน ได้รับการต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ทดแทนสัญญาชุดเดิมที่จะหมดอายุลง (SPP Replacement) และยังมีโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น “ลินเดน โคเจน” เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาขนาดกำลังการผลิต 972 เมกะวัตต์ หรือตามสัดส่วนการถือหุ้น 28% ราว 272 เมกะวัตต์เข้ามาชดเชยรายได้ที่ช่วยหนุนรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย