BPP ไตรมาส 1 กำไรพุ่ง 182% โรงไฟฟ้าจีน-ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ หนุน

ผู้ชมทั้งหมด 663 

BPP เผยผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีกำไรเติบโต 182% รับมีส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้านาโกโซในญี่ปุ่น และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา มุ่งขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีพลังงาน

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 182 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 3,641 ล้านบาท

ทั้งนี้จากผลการดำเนินที่เติบโตนั้นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) ทั้ง 3 แห่งในจีน สามารถจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำได้เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 30 และร้อยละ 22 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในจีน จำนวน 2,567 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้านาโกโซ (Nakoso IGCC) ในญี่ปุ่น จำนวน 238 ล้านบาท รวมถึงมีรายได้จากการขายไฟฟ้าจำนวน 1,294 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่โรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย ยังคงรักษาเสถียรภาพในการดำเนินงานได้ แม้ว่าในไตรมาสนี้โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเพื่อรักษา ประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต โดยสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า HPC และBLCP รวม 773 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2565 BPP ยังสามารถสร้างการเติบโตของเมกะวัตต์คุณภาพจากการขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานหมุนเวียนได้เพิ่มขึ้นอีก 62 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังผลิตรวม 3,265 เมกะวัตต์เทียบเท่า พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่าภายในปี 2568

“ผลการดำเนินงานของ BPP ในภาพรวมของไตรมาส 1/2565 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง รักษาเสถียรภาพในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง ด้วยความสามารถในการปรับตัวและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากผลกระทบของความขัดแย้งทางการเมืองในยุโรป และการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทฯ มีมาตรการในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีเพื่อรับมือกับสภาวะราคาต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์และราคาเชื้อเพลิงที่มีความผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายกิรณกล่าว

สำหรับแผนการลงทุน BPP ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social and Governance: ESG) พร้อมแสวงหาโอกาสลงทุนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีความต้องการไฟฟ้าสูง มีสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย รวมถึงมีนโยบายการสนับสนุนจากภาครัฐที่ชัดเจน โดยจะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้ทันที

อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ผ่านมา BPP ได้ขยายกำลังผลิตในพอร์ตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 62 เมกะวัตต์ จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิราคาวะในญี่ปุ่น การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่งในเวียดนาม ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชูง็อก (Chu Ngoc) โรงไฟฟ้าน็อนไห่ (Nhon Hai) รวมถึงการลงทุนใน Solar Esco Joint Stock Company บริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของเวียดนามที่ให้บริการแพลตฟอร์มโซลาร์รูฟท็อปแบบครบวงจร เพื่อขยายธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในเวียดนาม

นายกิรณกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน BPP ได้รับการจัดอันดับอยู่ในดัชนี SET100 และดัชนี SETHD ตอกย้ำถึงการเป็นหลักทรัพย์ที่จ่ายเงินปันผลย้อนหลัง 3 ปีอยู่ในเกณฑ์ดี พื้นฐานดี มีสภาพคล่อง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการจำหน่ายหุ้นทั้งหมดใน Sunseap Group Pte, Ltd. เสร็จสิ้นแล้ว ทำให้สามารถสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจและขยายการลงทุนตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ในโครงการที่มีศักยภาพในอนาคตที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว