ผู้ชมทั้งหมด 790
BPP เตรียมเงิน 500-700 ล้านเหรียญฯ ลุยลงทุน 3 ปี เล็งซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ กว่า 1,000 เมกะวัตต์ คาดปิดดีลได้ภายในครึ่งปีแรก 66 หวังช่วยหนุนผลประกอบการนิวไฮ
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า ในช่วง 3 ปี (2566-2568) BPP เร่งสร้างการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยเน้นประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าและการบริหารจัดการต้นทุน สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงเพื่อต่อยอดในพอร์ตโฟลิโอพลังงานที่สะอาดขึ้น ลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ในตลาดที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง ในขณะเดียวกันก็สร้างพลังร่วมภายในระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปูในการหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างมูลค่าในห่วงโซ่อุปทานธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ
โดยในช่วง 3 ปี บริษัทเตรียมเงินลงทุนราว 500-700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อไปสู่เป้าหมายในการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า เป็น 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการลงทุน 3,337 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 2,869 เมกะวัตต์ พลังงานหมุนเวียน 468 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือทั้งหมดนั้นได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 3,161 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนา 176 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ในช่วงระยะเวลา 3 ปี BPP ต้องหากำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 1,963 เมกะวัตต์ ก็จะทำให้ได้ตามเป้าหมายโดยในปีนี้ BPP มีแผนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมในสหรัฐฯ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการได้ภายในครึ่งปีแรก 2566 อย่างไรก็ตามในปีนี้หากมีโอกาสปิดดีลซื้อกิจการได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ก็จะพิจารณาหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม โดยการกู้เงินสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการกู้อีกมากเพราะมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Debt to Equity: Net D/E) ที่ 0.24 เท่า
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายการเติบโตไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศที่มี ศักยภาพ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งนอกเหนือจากการประสบความสำเร็จในการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติTemple I แล้ว บริษัทยังพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติม เช่น ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มระบบกลาง (Energy Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า ซึ่งเป็นโอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัทนอกเหนือจากจำนวนเมกะวัตต์ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ที่ดำเนินการโดย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด บริษัทก็จะเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ส่งเสริมศักยภาพและการเติบโต รวมถึงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (New S-curve) อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังรอผลประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประกาศผลวันที่ 5 เม.ย.นี้ โดยในเบื้องต้น โครงการที่ BPP ยื่นข้อเสนอซื้อขายไฟฟ้านั้นผ่านทางด้านเทคนิคประมาณ 150-200 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามบริษัทยังสนใจร่วมประมูลรอบถัดไปอีกด้วยที่กพช.เห็นชอบกรอบการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มอีก 3,660 เมกะวัตต์ จากรอบแรก 5,203 เมกะวัตต์
นายกิรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการในปี 2566 จะเติบโตทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) มากกว่า ปี 2565 ที่มีรายได้ 24,501 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 5,739 ล้านบาท หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 1,000 เมกะวัตต์ ในสหรัฐฯได้หรือไม่ หากปิดดีลได้ตามเป้าหมายก็มีโอกาสเติบโตนิวไฮ