ผู้ชมทั้งหมด 656
BPP ปี 67-68 อัดงบ 500 ล้านเหรียญ เร่งขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 1,658 เมกะวัตต์ มุ่งสู่เป้ากำลังการผลิตรวม 5,300 เมกะวัตต์ คาดครึ่งแรกปิดดีลโรงไฟฟ้าก๊าซฯ กว่า 200 เมกะวัตต์ พร้อมมองโอกาสลงทุนระบบสายส่งในอาเซียน รองรับเทรนด์ Energy Trading
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าทีบริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในช่วง 1-2 ปี (2567-2568) BPP เตรียมงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าให้ได้กำลังการผลิตรวม 5,300 เมกะวัตต์เป็นตามเป้าหมายในปี 2568 จากปัจจุบันนั้นมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,642 เมกะวัตต์ ดังนั้นในช่วง 1-2 ปีจะต้องหาเข้ามาเพิ่มอีก 1,658 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้บรรลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามการลงทุนส่วนใหญ่ BPP จะเน้นลงทุนซื้อกิจการ (M&A) ซึ้งในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ อยู่ 3-4 โครงการ มีทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทน โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2567 คาดว่าจะสามารถปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเข้ามาเพิ่มอีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 700-800 เมกะวัตต์ โดย BPP คาดว่าจะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 25-30% หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนประมาณ 100-200 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ในสหรัฐฯ ยังมีแผนลงทุนโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และลงทุนแบตเตอรี่ฟาร์มที่ อยู่ในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้า Temple I และ Temple IIในรัฐเทกซัส รองรับกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ราว 100 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า (Energy Trading) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดี
พร้อมกันนี้ BPP ยังมีแผนขยายการลงทุนพลังงานทดแทนในประเทศจีนทั้งที่เป็นโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ฟาร์ม รวมถึงมีแผนขยายการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปในประเทศอินโดนีเซีย จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ 5 เมกะวัตต์ และมีการลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เข้ามาเพิ่มอีก 9 เมกะวัตต์ในช่วงวปลายปีที่ผ่านมา
ขณะที่การลงทุนในประเทศไทย หลังจากประกาศใช้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ก็เชื่อได้ว่าจะมีการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนไว้ในแผนมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนด้านพลังงานทดแทน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอีวี ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจสายส่ง ซึ่งมองว่าในภูมิทภาคอาเซียนจะมีการลงทุนระบบสายส่งมากขึ้นมารองรับธุรกิจ Energy Trading คาดว่าจะเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้แผนขยายการลงทุนผลิตและจำหน่ายไฟฟ้านั้นบริษัทได้ดำเนินการผ่าน 3 จุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1) ดำเนินงานด้วยคุณภาพระดับสากลจากความเชี่ยวชาญของทีมงานของ BPP เพื่อสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจและปรับตัวกับความท้าทายต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 2) ผสานพลังร่วมในระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศยุทธศาสตร์ของ BPP และผนึกกำลังร่วมภายในกลุ่มบ้านปูผ่านการแบ่งปันองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลังงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสและมูลค่าทางธุรกิจ และ3) สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่สังคมทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการเป็นองค์กรพลเมืองที่ดี ผ่านการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักความยั่งยืน
นายกิรณ กล่าวถึงภาพรวมรายได้ปี 2567 ว่า มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตมากกว่าปี 2566 ที่มีรายได้รวม 30,443 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโตตามการขยายการลงทุนโครงการใหม่ที่เน้นซื้อกิจการที่สามารถรับรู้รายเข้ามาได้ทันที นอกจากนี้ยังมีกำลังการผลิตใหม่ที่จะ COD ในปีนี้ที่จะเป็นปัจจัยหนึ่งสนับสนุนการเติบโต