BGRIM คาดราคาก๊าซฯปรับลดหนุนมาร์จิ้นปี66 โตจากปี65

ผู้ชมทั้งหมด 456 

“บี.กริม เพาเวอร์” คาด มาร์จิ้นปี66 โตจากปี65 หลังราคาก๊าซฯเฉลี่ยลดลง รับช่วงปลายปี ค่าFt ถูกลงกดดันรายได้ เตรียมCOD โครงการใหม่ครึ่งปีหลัง “บี.กริม อ่างทอง 2 และ3” กำลังผลิต รวม 280 เมกะวัตต์ มั่นใจยอดขายไฟลูกค้าIU เข้าเป้า 50-60 เมกะวัตต์ แย้มรอปิดดีลขยายกิจการในต่างประเทศเพิ่ม ทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ลั่นจ่อนำเข้า LNG ล็อตแรกปี67

นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ – สายงานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM  เปิดเผยในงาน Oppday Q2/2023 BGRIM เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2566 โดยระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปีนี้ คาดว่า ในส่วนของมาร์จิ้นอาจเติบโตขึ้นจากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าปรับลดลง แม้ว่ารายได้ในช่วงปลายปีนี้ อาจปรับลดลงจากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร(Ft) งวด ก.ย.-ธ.ค.2566 ลดลง ซึ่งรายได้ของบริษัท สัดส่วนราว 70-75% จะเป็นการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่จะปรับขึ้น-ลงตามสูตรค่าไฟ ฉะนั้นรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าSPP อาจไม่เติบโตมากนัก แต่ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอาจปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าโซลาร์ฯจากเกาหลีใต้ ที่คาดว่าจะหนุนกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง

“บริษัท คาดการณ์ราคาก๊าซฯ เฉลี่ยช่วงที่เหลือปีนี้ อยู่ที่ 400-450 บาทต่อMMBTU แต่ปตท.คาดการณ์ราคาก๊าซฯที่จะขายให้กับลูกค้า อยู่ที่ 350-360 บาทต่อMMBTU ฉะนั้นแนวโน้มราคาก๊าซฯครึ่งปีหลังจะถูกลงและเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตาม บริษัท คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) โรงไฟฟ้าในปีนี้ได้ตามเป้าหมาย 632 เมกะวัตต์ โดยในช่วงไตรมาส 4 จะเปิดCOD อีก 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้า ‘บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 และ บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 กำลังการผลิตรวม 280 เมกะวัตต์

อีกทั้ง คาดว่าการเชื่อมลูกค้าใหม่เข้าระบบตลอดทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 50-60 เมกะวัตต์ จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 12 เมกะวัตต์ และในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ เริ่มทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นแล้ว

สำหรับแผนขยายการลงทุนในต่างประเทศ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะมุ่งขยายการลงทุนทั้งโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ยังมีโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากภาครัฐ ร่วม 100 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมองโอกาสขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา เป็นต้น

ส่วนการลงทุนในเวียดนาม หลังจากที่ทางรัฐบาลเวียดนามได้ประกาศแผน PDP ฉบับที่ 8 เรียบร้อยแล้วนั้น บริษัท สนใจเข้าร่วมประมูลโครงการ GAS to Power ,พลังงานลม และโซลาร์รูฟท็อป

นางสาวศิริวงศ์ กล่าวอีกว่า ความคืบหน้าแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) หลังจาก บริษัท ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดหาและนำเข้า Shipper LNG นั้น บริษัท อยู่ระหว่างรอความชัดเจนในการปรับปรุงกฎระเบียบ หรือกติกานำเข้า LNG ที่ชัดเจนของ กกพ. โดยคาดว่า จะสามารถเริ่มนำเข้า LNG ลำแรกได้ในช่วงปี 2567

ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นนั้น ในส่วนของโครงการที่ดำเนินการไปแล้ว ได้มีการจัดทำป้องกันความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยไว้แล้ว จึงไม่ได้ปรับผลกระทบ ขณะที่โครงการใหม่ ก็มีวิธีบริหารจัดการ ทั้งการพิจารณาอัตราเงินกู้จากธนาคาร การออกหุ้นกู้ และวิธีอื่นๆ คาดว่าจะกระทบต่ออัตราผลตอบแทนการลงทุน(IRR) ไม่มากนัก

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 58 โครงการ กำลังการผลิตรวม อยู่ที่ 3,690 เมกะวัตต์ โดย 72% เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซฯ และ 28% เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือ มีโครงการที่อยู่ในมือและมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA)แล้ว  4,268  เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซฯ สัดส่วน 71% และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 29% จากโครงการที่ก่อสร้างใหม่และการเข้าซื้อกิจการตั้งอยู่ในหลากหลายประเทศ โดยตั้งเป้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ภายใต้งบประมาณกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นเชื้อเพลิงพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50% เพื่อให้บริษัท บรรลุเป้าหมายระยะยาว คือก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ. 2593)