ผู้ชมทั้งหมด 1,038
BGRIM โชว์กำไรปี 63 เติบโต 21% สวนกระแสโควิด-19 หลังจากรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มในเวียดนามเต็มปีพร้อมชูกลยุทธ์ผนึกพันธมิตรทุกกลุ่มธุรกิจสร้างความแข็งแกร่ง และคงอัตราการจ่ายปันผลทั้งปีที่ 45%
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2563 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เติบโตถึง 21.1% เป็น 2,617 ล้านบาท แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิต 162 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าเติบโต 6% เป็น 14,451 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2563
ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งสู่ระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน หรือตั้งแต่กันยายน 2563 – มกราคม 2564 และยังมีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ 15 เมกะวัตต์ ในปี 2563 และคาดว่ามีอีกมากกว่า 40 เมกะวัตต์ ในปี 2564
รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ขนาดกำลังการผลิตรวม 677 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม และยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 10.4% จากปีก่อนหน้า เป็น 244 บาท/ล้านบีทียู โดยประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติของ ปตท. คาดการณ์ว่าอยู่ที่ 225 บาท/ล้านบีทียู ในปี 2564
นอกจากจากเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตสู่ 7,200 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 แล้ว บี.กริม เพาเวอร์ ยังเดินหน้าสู่อีกขั้นของความสำเร็จ ภายใต้ปรัชญา “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี” กว่า 143 ปี โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพความร่วมมือในกลุ่ม บี.กริม ซึ่งมีธุรกิจหลากหลาย ทั้งด้านอุตสาหกรรม อาคาร สุขภาพ และดิจิทัล ฯลฯ หรือความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 0.30 บาทต่อหุ้น (หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.15 บาทต่อหุ้น) คงอัตราการจ่ายปันผลทั้งปีที่ 45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 11 มีนาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 11 พฤษภาคม 2564