ผู้ชมทั้งหมด 818
BANPU โชว์กำไรไตรมาส 1/65 โตแข็งแกร่ง 510% ยกระดับ Antifragile พร้อมรับมือทุกความผันผวน เร่งเดินหน้าเปลี่ยนผ่านธุรกิจ ขยายพอร์ตพลังงานสะอาด เดินหน้าสร้างการเติบโต 3 ธุรกิจหลัก
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขายรวม 1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 41,509 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 520 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 19,247 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 596 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 19,693 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 117 จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ไตรมาส 1/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 311 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,264ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 260 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 510 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการที่เติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งนั้น เนื่องมาจากความสามารถในการปรับตัว เพื่อตอบรับความผันผวนจากปัจจัยภายนอกที่กระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานและเศรษฐกิจระดับมหภาค รวมทั้งกระแสเงินสดจากพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรายได้จากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap Group ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น พร้อมเร่งเดินหน้าขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ทั้งในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน รวมทั้งหาโอกาสสร้าง New S-Curve ที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง
“ช่วงไตรมาส1/65 ที่ผ่านมาบ้านปูสามารถสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งจากภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโลกและความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูง โดยมีกระแสเงินสดที่เติบโตจากทั้งจากธุรกิจที่มีอยู่และจากธุรกิจที่เข้าไปลงทุนเพิ่มใหม่ ๆ บ้านปูยังคงมุ่งเดินหน้าสร้างการเติบโตไปพร้อมกับเทรนด์พลังงานโลกอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยกระจายความเสี่ยง และคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (Antifragile) จากปัจจุบันที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงาน ภาวะความไม่สงบทางการเมืองในยุโรป อัตราดอกเบี้ยและราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นอย่างมาก รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของกลุ่มบ้านปูในการรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งบ้านปูยังหาโอกาสสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังที่เห็นจากความสำเร็จในการลงทุนที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา” นางสมฤดี กล่าว
นอกจากนี้แล้ว บ้านปู ยังคงเดินหน้าในการสร้างการเติบโตของ 3 กลุ่มธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ทางด้าน ธุรกิจเหมือง ยังคงรักษากำลังการผลิตและปริมาณสำรองที่ดีเพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการในตลาดและคว้าโอกาสที่จะสามารถสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คว้าโอกาสจากสถานการณ์ราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้น และมองหาโอกาสต่อยอดการลงทุนจากแหล่งก๊าซต้นน้ำไปยังธุรกิจกลางน้ำ โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป มุ่งเน้นเสริมสร้างประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ด้วยความยืดหยุ่นจากราคาต้นทุนพลังงานที่มีความผันผวนควบคู่กับการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีการขยายการลงทุนในตลาดกลยุทธ์สำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ยังคงเน้นการสร้างอัตราการเติบโตให้พอร์ตเทคโนโลยีพลังงานที่มีอยู่ รวมทั้งลงทุนและพัฒนาโซลูชั่นหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานรูปแบบใหม่ และเสริมสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างพลังร่วมระหว่างธุรกิจที่มีอยู่กับธุรกิจใหม่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ เมืองอัจฉริยะ โซลาร์ลอยน้ำ และระบบการบริหารจัดการพลังงาน และยังเดินหน้าขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าจาก แสงอาทิตย์บนหลังคา ขนาด 5.9 เมกะวัตต์ ในอินโดนีเซีย และการเดินหน้าโครงการ Summer Lasalle เฟส 3 ในกรุงเทพมหานคร ขนาด 982 กิโลวัตต์
“นอกจากการมุ่งสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter เรายังคงศึกษาโอกาสที่จะเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูงและสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว หรือ New S-Curve ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์เทรนด์แห่งอนาคตและสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นของเราในระยะยาว” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย