BANPU จ่อส่ง BPP ปิดดีล M&A “รฟ.พลังงานหมุนเวียน-แบตเตอรี่” เพิ่ม

ผู้ชมทั้งหมด 581 

“บ้านปู” เข้มลดต้นทุนคุมรายจ่ายรับมือราคาถ่านหินอ่อนตัว คาดไตรมาส 3 ราคาก๊าซฯปรับตัวดีขึ้น เล็งขยายการลงทุนโครงการCCUS เพิ่ม ตั้งเป้าผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 20% ลั่นเดินหน้านำ BKV เข้าระดมทุนตลาดฯสหรัฐ ชี้ เร็วสุดไตรมาส4ปีนี้ ด้าน “บ้านปู เพาเวอร์” คาด ผลประกอบการ 2 โรงไฟฟ้าก๊าซฯในสหรัฐ หนุนรายได้และกำไรปี66 โตชัดเจน เล็งปิดดีลM&A โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และแบตเตอรี่เพิ่ม คาดชัดเจนหลังไตรมาส 3 ปีนี้

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยในงานOppday Q2/2023 BANPU เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2566 โดยระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมุ่นเน้นการลดต้นทุน และลดค่าใช้จ่าย เพื่อรับมือกับราคาขายถ่านหินที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การเติบโตทางธุรกิจยังเดินหน้าขยายการลงทุนตามแผนที่วางไว้ โดยในส่วนของราคาก๊าซฯธรรมชาติ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.5-2.6 ดอลลาร์ต่อล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่า ไตรมาส 3 ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วนราคาถ่านหิน ปัจจุบัน อยู่ที่ 150-160 ดอลลาร์ต่อตัน ถือว่าเป็นราคาที่ดี และคงไม่เห็นราคาถ่านหินขยับขึ้นไปแตะในระดับ 400 ดอลลาร์ต่อตัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และคงไม่ลงไปอยู่ที่สองหลักเช่นกัน ฉะนั้นคาดว่าในช่วง1-2 ปีนี้ ราคาถ่านหินน่าจะอยู่ในระดับร้อยดอลลาร์กลางๆ ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้ทำประกันความเสี่ยงราคาถ่านหินไว้แล้ว

สำหรับความคืบหน้าโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เข้าไปลงทุนแล้ว 2 โครงการ งบลงทุนราว 30 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนฯได้ 2.1 แสนตันต่อปี และปลายปีนี้ การลงทุนในเฟสแรก จะเริ่มกักเก็บคาร์บอนฯได้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัท มีแผนจะขยายการลงทุน CCUS เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ และวางเป้าหมายผลการตอบแทนการลงทุนแต่ละโครงการจะไม่ต่ำกว่า 20%

“แนวโน้มกำไรของบริษัท ยังคงขึ้นอยู่กับทิศทางราคาก๊าซฯ และถ่านหินเป็นหลัก แต่ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทในครึ่งปีแรกอยู่ในระดับกว่า 600 ล้านดอลลาร์แล้ว ถือว่ามีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง”

ส่วนการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บ้านปูถือในสัดส่วน 96.12% เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯสหรัฐ นั้น บริษัท ตั้งเป้าหมายจะดำเนินการได้เร็วสุดในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หรือ อย่างช้าช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะนั้นด้วย

ปัจจุบัน กลุ่มบ้านปู มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ รวมกว่า 5,000 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อยู่ที่ 4,008 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 966 เมกะวัตต์

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 จะทำนิวไฮ หรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ แต่หากประเมินจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับช่วงไตรมาส 3ของปีนี้ คาดว่า โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐ จะกลับมาเดินเครื่องการผลิตไฟฟ้าเต็มที่ หลังจากหยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัท ยังได้เข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple Il ในสหรัฐ จะทำให้มีรายได้และกำไรหนุนเข้ามาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะเริ่มเห็นผลการดำเนินงานที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงบริษัทยังได้ทำประกันความเสี่ยงด้านการเงินไว้แล้วทำให้มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งพร้อมสำหรับเดินหน้าการลงทุนในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีแผนที่จะควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และโครงการผลิตแบตเตอรี่ ในพื้นที่ที่มีการลงทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐ โดยหลังจบไตรมาส 3 บริษัทจะเดินหน้าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแบบจริงจังมากขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีน คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ผลประกอบการจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากต้นทุนราคาถ่านหินปรับลดลง

ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้า รวมอยู่ที่ 3,693 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ อยู่ที่ 3,247  เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 446 เมกะวัตต์