BANPUเดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานสะอาดกว่า50%

ผู้ชมทั้งหมด 1,439 

BANPU เดินหน้าขยายลงทุนสร้างสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานสะอาดเพิ่มมากกว่า 50% วางเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเป็น 1,600 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 6,100 เมกะวัตต์ในปี 68 ชี้นโยบาย “โจ ไบเดน” เอื้อลงทุนก๊าซธรรมชาติ

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) เปิดเผยว่า กลุ่มบ้านปูมุ่งเน้นขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดให้มากขึ้นและให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยในระหว่างปี 2564-2568 กลุ่มบ้านปูมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานสะอาดเพิ่มมากกว่า 50% โดยจะมุ่งนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าจากความเชี่ยวชาญด้านพลังงานครบวงจรใน 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ทั้งนี้ในปัจจุบันนั้นกลุ่มบ้านปูมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดภายใต้บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัดรวมกว่า 694 เมกะวัตต์ หรือในสัดส่วน 22.4% ของกำลังการผลิตทั้งหมด โดยแบ่งเป็นกำลังการผลิตจากโครงการโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลมราว 445 เมกะวัตต์ โซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ลอยน้ำขนาดกำลังการผลิตรวม 249 เมกะวัตต์ แต่หากรวมกับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลก็จะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 3,097 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตามภายในปี 2568 นั้นกลุ่มบ้านปูมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็น 1,600 เมกะวัตต์ และเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมดอยู่ที่ 6,100 เมกะวัตต์

นอกจากนี้การลงทุนด้านเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้ “บ้านปู เน็กซ์” นั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้สัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย พร้อมกับการขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการ Digital Transformation ด้วยหน่วยงานใหม่ “Digital Center of Excellence” (DCOE)  ที่มีการพัฒนาโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การใช้ระบบดิจิตอลแพลตฟอร์มควบคุมขบวนการผลิต และการซ่อมบำรุงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันบ้านปูยังมีพอร์ตก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานที่เชื่อมโยงไปสู่พลังงานที่สะอาดขึ้น (Bridging Energy) ที่มีกำลังการผลิตรวมกัน 2 แหล่ง คือ แหล่งบาร์เนนต์ กับ แหล่งมาร์เซลลัสอยู่ที่ประมาณ 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ จากที่มีศักยภาพในการผลิต 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเทียบเท่าก๊าซธรรมชาติ หรือเป็นขนาด 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และมีกำลังการผลิตเป็นอันดับที่ 19 ของสหรัฐฯ และจะขยายกำลังการผลิตให้เต็มศักยภาพหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความเร็วในการเปิดหลุมใหม่ และราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอยู่ในระดับ 2.8 เหรียญสหรัฐต่อ MMBTU ปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 63 ที่อยู่ในระดับ 1.6 เหรียญสหรัฐต่อ MMBTU

นอกจากนี้ยังมีแผนขยายลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการลงทุน ซึ่งธุรกิจก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ นั้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้สัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานสะอาดเติบโตได้ตามเป้าหมาย

ส่วนกรณีที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศนโยบายสนับสนุนการลงทุนพลังงานสะอาดนั้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ของกลุ่มบ้านปู เนื่องจากการผลิตก๊าซธรรมชาติโจ ไบเดน ยังให้การสนับสนุนอยู่เพราะเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ โดยการใช้พลังงานสะอาดผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันสัดส่วนใหญ่มาจากก๊าซธรรมชาติ ขณะที่พลังงานทดแทนก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เป็นสัดส่วนขนาดเล็ก ดังนั้นในอนาคตภาพรวมการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกก๊าซธรรมชาติจะเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า คาดว่าในปี 2568 สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 35% จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 27%

สำหรับภาพรวมทุกธุรกิจของกลุ่มบ้านปูในปี 2564 นั้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังจากได้จัดตั้งทีม Digital Center of Excellence ในทุกประเทศที่เป็นฐานการลงทุนของกลุ่มบ้านปู ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย จีน สหรัฐฯ เป็นต้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ขณะที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และยังมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เข้ามาเพิ่มในปีนี้อีกด้วย

พร้อมกันนี้กลุ่มบ้านปูยังยืนยันว่าปริมาณสำรองถ่านหินในปัจจุบันมีปริมาณที่เพียงพอสามารถผลิตได้อย่างน้อยอีก 15 ปี ที่ราคาถ่านหินในปัจจุบัน หากราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นก็สามารถลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้ โดยจะไม่มีการขยายการลงทุนในแหล่งผลิตใหม่อย่างแน่นอน