BAFS มั่นใจปีนี้! ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานโต 20% รับอานิสงส์วีซ่าฟรี 93 ประเทศ

ผู้ชมทั้งหมด 517 

BAFS มั่นใจปีนี้! ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานทะลุ 5,000 ล้านลิตร โต 20% หลังอุตสาหกรรมการบินกลับมาฟื้นตัว รับอานิสงส์วีซ่าฟรี 93 ประเทศ คาดลงนามเชื่อมท่อน้ำมัน Thappline ไตรมาส 3/67 หนุนปริมาณขนส่งน้ำมันเพิ่ม

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ (BAFS) เปิดเผยว่า มั่นใจว่าผลประกอบการในปี 2567 จะเติบโตดีขึ้นกว่าปี 2566 โดยคาดว่าการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS จะอยู่ในระดับ 5,000 ล้านลิตรต่อปี หรือเติบโตประมาณ 20% จากปี 2566 อยู่ที่ 4,300 ล้านลิตร

โดยปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวดีขึ้นหลังที่รัฐบาลมีนโยบายวีซ่าฟรี ซึ่งล่าสุดรัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยเตรียมประกาศประเทศที่ได้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (ยกเว้นวีซ่า หรือ วีซ่าฟรี) สามารถพำนักในปรเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจและการทำงานระยะสั้น จำนวน 93 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากที่มีอยู่เดิม 57 ประเทศ/ดินแดน นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากการเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ส่งผลให้รองรับเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่การให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อเส้นทางภาคเหนือของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BAFS นั้นตั้งเป้าปริมาณการขนส่งน้ำมันไว้ที่ 1,100 ล้านลิตร เติบโต 31% จากปี 2566 ที่อยู่ 842 ล้านลิตร ส่วนความคืบหน้าแผนการเชื่อมท่อน้ำมันของ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) ที่อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีการสรุปการร่วมลงทุนแล้วในเบื้องต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในไตรมาส 3/2567 หลังจากนั้นก็จะเริ่มดำเนินก่อสร้างทันที และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1,200 ล้านบาท โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะเป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณขนส่งน้ำมันทางท่อของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากท่อเส้นนี้เชื่อมกับโรงกลั่น 5 โรงในภาคตะวันออก

ส่วนธุรกิจพลังงานที่ดำเนินการโดย บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จํากัด บริษัทย่อยของ BAFS แสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยภายในปี 2567 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเป็น 55 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน ส่วนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (แผนพีดีพี 2024) ซึ่งในร่างของแผนนั้นมีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 50% นั้นก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับขยายการลงทุนในไทย ซึ่ง BAFS ก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลหากมีการเปิดประมูล