ผู้ชมทั้งหมด 132
ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน และการเติบโตของปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นตามประมาณการณ์เติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการภาครัฐในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อกลุ่มธุรกิจ Aviation ในปี 2568
บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการระบบเติมน้ำมันอากาศยานอย่างครบวงจร ทั้งระบบขนส่งน้ำมันอากาศยานผ่านท่อแรงดันสูง ระบบจัดเก็บน้ำมันอากาศยาน และระบบเติมน้ำมันอากาศยานของไทย ตั้งเป้าหมายปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปี 2568 คาดว่า จะเติบโตขึ้น 8-9% เมื่อเทียบกับปี 2567 และเป็นระดับที่กลับไปใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2562 ที่มีปริมาณการเติบน้ำมันยอากาศยาน อยู่ที่ 6,300 ล้านลิตร
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS ระบุว่า ปี 2568 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนประมาณ 50% จะใช้สำหรับโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันบริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) ที่ล่าสุดได้ลงนามในสัญญาเชื่อมต่อระบบท่อจากคลังน้ำมันสระบุรีไปภาคเหนือ และสัญญาเช่าที่ดิน เพื่อดำเนินการตามโครงการระบบขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) กับบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) และเตรียมเปิดให้บริการภายในปี 2569 คาดทำให้ปริมาณการขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือเพิ่มขึ้นกว่า 700 ลิตรต่อปี
ส่วนงบลงทุนอีก 50% จะใช้สำหรับกลุ่มธุรกิจ Power โดยเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศมองโกเลีย จำนวน 2 โครงการ รวม 51 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น โซลาร์ฟาร์มขนาด 21 เมกะวัตต์ กำหนดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี2568 และโซลาร์ฟาร์ม ขนาด 30 เมกะวัตต์ กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2569 นอกจากนี้ จะใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ.สุราษฎร์ธานี ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ ที่ร่วมกับกลุ่มบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569
“ปี 2568 ธุรกิจ Aviation มีปัจจัยบวกที่สำคัญมาจากการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 หรือรันเวย์ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา สามารถรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานเติบโตต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัท ยังมีรายได้จากการขายรถเติมน้ำมันอากาศยาน ของบริษัท บาฟส์ อินเทค (BAFS INTECH) ที่เริ่มมีการส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึง กลุ่มธุรกิจ Power ยังมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง”
อย่างไรก็ตาม บริษัท อยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตรที่สนใจเข้าถือหุ้นในบริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) จำนวน 2-3 ราย คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในต้นปี 2568 หลังจากในช่วงไตรมาส 3 ปี2567 BAFS ได้เพิ่มทุนใน BPT รวมจำนวน 90 ล้านบาท ตามการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ส่งผลให้ปัจจุบัน BAFS มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BPT อยู่ที่ 75.03% และเมื่อได้พันธมิตรแล้ว คาดว่า จะส่งผลให้ BAFS ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลง แต่ BAFS จะยังคงถือหุ้นเกิน 50%
นอกจากนี้ ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนลงทุนคลังเพื่อรองรับเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม SAF ถือเป็นธุรกิจใหม่ในระดับโลก ที่มีความสำคัญต่อทิศทางธุรกิจในอนาคตเนื่องจากมีกฎกติกากำหนดไว้ว่าสายการบินต้องเริ่มใช้ SAF ตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป และในปี 2593 สายการบินต้องใช้อย่างน้อย 75% จึงถือว่าทุกคนเริ่มการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเองก็ได้เปรียบในแง่ของการมีวัตถุดิบที่เพียงพอ ดังนั้น BAFS ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นโลจิสติกส์ หากร่วมมือกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในธุรกิจน้ำมันร่วมมือกันก็คาดว่า ภายใน 5-10 ปี ประเทศไทยสามารถขึ้นเป็นผู้นำในด้านนี้ให้กับสนามบินในภูมิภาคได้ เพราะไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีศักยภาพเหมือนประเทศไทย ซึ่งหลายประเทศยังต้องนำเข้า SAF
“พอร์ตโฟลิโอของ BAFS จะอยู่ในธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับการเติมเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่วนธุรกิจอื่น ๆ มีการลงทุนเพิ่มด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน รวมถึงการลงทุนการประกอบรถและชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจ SAF ทั้งการขนส่ง การตรวจสอบคุณภาพ และยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้ด้วย”
ดังนั้น บริษัท ตั้งเป้าหมายปี 2572 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลัก(ที่เกี่ยวข้องกับการเติมน้ำมันอากาศยาน) จะอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 70% ธุรกิจเสริม (ธุรกิจขนส่งและธุรกิจพลังงานหมุนเวียน) จะมีสัดส่วน 40% จากปัจจุบัน อยู่ที่ 30% และธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น จะมีสัดส่วน 10% จากปัจจุบัน 0%
ขณะที่ ความคืบหน้าของธุรกิจออกแบบ ผลิต และประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน ของบริษัท บาฟส์ อินเทค หรือ BAFS INTECH ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 ปี2567 ได้ส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยานแบบ Hydrant Dispenser จำนวน 3 คัน รวมมูลค่า 25 ล้านบาท ให้แก่ลูกค้าภายในประเทศเรียบร้อยแล้ว และในไตรมาสถัดไป BAFS INTECH จะส่งมอบรถเพิ่มอีก 3 คัน ประกอบด้วย Hydrant Dispenser จำนวน 1 คัน และ Pit Cleaning & Low Point Flushing Vehicle จำนวน 2 คัน ให้แก่ลูกค้าประเทศกัมพูชา รวมมูลค่า 880,000 ดอลลาร์ฯ
สำหรับ BAFS INTECH ดำเนินธุรกิจให้บริการออกแบบ ผลิต ประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานและระบบให้บริการน้ำมันอากาศยาน รวมถึงรถให้บริการภาคพื้นภายในท่าอากาศยาน โดยรถเติมน้ำมันเหล่านี้ได้รับการยอมรับในตลาดด้วยคุณภาพมาตรฐานสากลและราคาที่แข่งขันได้ BAFS INTECH มีความเชี่ยวชาญในการประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยาน และได้รับความไว้วางใจจากทั้งลูกค้าในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้