ผู้ชมทั้งหมด 57
AAV โชว์กำไรปี 67 กว่า 3,000 ล้านบาท เป็นบวกครั้งเเรกหลังโควิด-19 พร้อมสร้างรากฐานการเติบโตแข็งเเกร่ง ปี 68 วางเป้าเติบโตรายได้จากการขายใกล้เคียง 15% จากปีก่อน ผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน ลุยเพิ่มเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ เป็น 66 ลำในปีนี้

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น และบจ.ไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ผลประกอบการตลอดปี 2567 AAV มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 49,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เทียบกับปีก่อน โดยมี EBITDA อยู่ที่ 10,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานหลักเป็นบวกครั้งเเรกหลังโควิด-19 อยู่ที่ 3,007 ล้านบาท เป็นสัญญาณว่าผลกระทบจากโควิด-19 ได้สิ้นสุดลงเเล้ว โดยบริษัทกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
โดยจำนวนผู้โดยสารทั้งปีอยู่ที่ 20.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่อัตราขนส่งผู้โดยสารร้อยละ 91 สะท้อนความต้องการเดินทางที่ยังสูง โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศ ทำให้สัดส่วนผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 63 ต่อ 37 โดยขยายฝูงบินในปีนี้เพิ่ม 4 ลำ รวมเป็น 60 ลำ ณ สิ้นปี ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานพลิกฟื้นกลับมาใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์โควิดอย่างชัดเจน โดยตลอดปี 2567 ขนส่งผู้โดยสารรวม 20.8 ล้านคน มีฝูงบินแอร์บัส 60 ลำ เทียบกับปี 2562 ที่เคยขนส่งผู้โดยสารสูงสุด 22.1 ล้านคน และฝูงบิน 63 ลำตามลำดับ
“การฟื้นตัวนี้ส่งผลให้ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 49,436 ล้านบาท สูงกว่าปี 2562 ที่มีรายได้ 40,181 ล้านบาท ส่วนสำคัญมาจากราคาตั๋วโดยสารที่เพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากการสะดุดของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมการบินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทยังคงเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานหลักเป็นบวกเป็นครั้งแรก และเริ่มกลับมามีสุขภาพทางการเงินในการดูแลพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียได้ดีขึ้น” นายสันติสุข กล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนเเบ่งการตลาดภายในประเทศ ซึ่งเราทำได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 41 ในเดือนตุลาคม และมีส่วนเเบ่งการตลาดตลอดปีอยู่ที่ร้อยละ 40 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางที่มากขึ้น ไทยแอร์เอเชียได้เพิ่มความถี่บินและเปิดตัวเปิด 2 เส้นทางใหม่ ดอนเมือง-ลำปาง และสุวรรณภูมิ-หาดใหญ่ ในขณะที่ตลาดระหว่างประเทศ เน้นการปรับเเผนให้สอดคล้องกับเเต่ละตลาด โดยตลาดจีนในปีที่ผ่านมาแม้ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นอับดับหนึ่ง แต่อัตราการฟื้นตัวค่อนข้างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่การสนับสนุนด้านมาตรการยกเว้นวีซ่าของทั้งรัฐบาลไทยและจีนทำให้เห็นแนวโน้มคนไทยไปเที่ยวประเทศจีนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนภูมิภาคที่น่าสนใจคือตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย ที่ขยายตัวได้ดีหลังการปลดล็อกเรื่องโควต้าที่นั่งในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเราเป็นสายการบินที่มีเส้นทางบินเชื่อมไทยกับอินเดียมากที่สุด ส่วนตลาดอาเซียนยังคงมีศักยภาพที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดเวียดนามที่ไทยแอร์เอเชียครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดในเที่ยวบินระหว่างไทย-เวียดนาม
สำหรับในปี 2568 แม้จะยังคงมีความท้าทาย แต่บริษัทจะมุ่งใช้ความได้เปรียบด้านการให้บริการและจำนวนเครื่องบินที่มากที่สุดในกลุ่มสายการบินราคาประหยัดในประเทศไทยในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเเละรวดเร็วมากขึ้น โดยตั้งเป้าเติบโตรายได้จากการขายและบริการใกล้เคียงร้อยละ 15 จากปีก่อน เพิ่มเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 6 ลำ เป็น 66 ลำในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายส่วนแบ่งทางการตลาดภายในประเทศให้มากกว่าร้อยละ 40 อย่างต่อเนื่อง โดยขับเคลื่อนด้วยการขยายเครือข่ายจากฐานที่มั่นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไทยแอร์เอเชียได้เปิด 2 เส้นทางใหม่ สุวรรณภูมิ-อุดรธานี เเละสุวรรณภูมิ-ขอนเเก่น รวมเป็น 6 เส้นทางในปัจุบัน นอกจากนี้ยังมีแผนขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศเพิ่มเติมตลอดทั้งปีนี้ รวมถึงการใช้กลยุทธ์สิทธิเสรีภาพที่ 5 โดยตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสาร 23-24 ล้านคนในปี 2568 ซึ่งจะเป็นสถิติใหม่สูงสุดของบริษัทต่อไป