ผู้ชมทั้งหมด 793
“บ้านปู” จับมือ “มหิดล” สานต่อค่าย “เพาเวอร์กรีน ปีที่ 16” ชวนเยาวชนเติมประสบการณ์เรียนรู้ออนไลน์ไร้ขีดจำกัด ชูประเด็น “ECO Living & Learning – เปลี่ยนปรับสู่กรีนไลฟ์สไตล์ ตอบรับ New Normal”
นยรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสาย – สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท บ้านปู ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Power Green Camp) ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ภายใต้หัวข้อ “ECO Living & Learning – เปลี่ยนปรับสู่กรีนไลฟ์สไตล์ ตอบรับ New Normal”
โดยคัดเลือกเยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไม่จำกัดสาขาวิชา (เป็นครั้งแรก) จำนวน 40 คน จาก 40 โรงเรียน 31 จังหวัด จากผู้สมัครทั่วประเทศกว่า 217 คน มาร่วมเปิดประสบการณ์การเข้าค่ายแบบ New Normal เพื่อเสริมสร้างพลังแห่งการเรียนรู้แบบไร้ขีดจำกัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 21 พฤศจิกายน 2564 โดยทางค่ายฯ มีทุนการศึกษามอบให้กับทีมที่นำเสนอผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุด 4 รางวัล พร้อมรางวัลทีมขวัญใจมหาชน รวมมูลค่าเงินรางวัลมากกว่า 100,000 บาท
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้แนวทางการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงกูรูด้านสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยผสมผสานทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ นอกจากนี้ ทางค่ายฯ ยังมีอุปกรณ์ชุดทดลองทางวิทยาศาสตร์ จัดส่งให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฏิบัติกันถึงบ้าน
“โครงการนี้ สอดคล้องกับหลักการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามหลัก ESG ของบ้านปู และเพื่อให้การจัดกิจกรรมมีประสิทธิผลมากขึ้น เราจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบกิจกรรมที่เยาวชนจะได้รับทั้งความรู้ และประสบการณ์ผ่านการเรียนรู้แบบผสมผสานทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยเราได้มีการจัดส่งอุปกรณ์ชุดทดลองทางวิทยาศาสตร์ให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการถึงบ้าน พร้อมกับมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำตลอดทุกกิจกรรมอย่างใกล้ชิด”
ผศ. ดร.กฤตณะ พฤกษากร อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานโครงการค่ายเพาเวอร์กรีน ครั้งที่ 16 กล่าวว่า แม้ทุกประเทศทั่วโลกจะต้องปรับตัวสู่ยุค New Normal เพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ รวมถึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสู่ความปกติใหม่ แต่ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในประเด็นต่าง ๆ ยังคงมีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งปัญหาภัยพิบัติ มลพิษทางสิ่งแวดล้อม ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องใกล้ตัวสำหรับทุกคน ซึ่งการปลูกฝังให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญ มีความรู้ ความเข้าใจ และก้าวเข้ามามีส่วนในการร่วมในการเสนอแนวทางแก้ไขก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนปรับพฤติกรรมให้เยาวชนเห็นความสำคัญของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
สำหรับกิจกรรมในค่ายเพาเวอร์กรีน ครั้งที่ 16 ในปีนี้ ได้เริ่มต้นกันตั้งแต่การปูพื้นฐานผ่านกิจกรรม Transformative Learning เพื่อฝึกฝนเยาวชนในเรื่องของ Soft Skills ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่จากทั่วประเทศในค่ายฯ เพื่อฝึกฝนเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่น ก่อนเข้าสู่การเรียนรู้ในลำดับต่อไป สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ก็คือ การได้ลงมือทดลองปฏิบัติใน 3 ชุดการทดลองที่ได้มาตรฐานซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้จริงในครัวเรือนมูลค่ารวมคนละ 10,000 บาท ที่ทางค่ายฯ จัดส่งให้ถึงบ้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น การทดลองชุด “ดักต่อไม่รอแล้วนะ” เพื่อเรียนรู้เรื่องน้ำเสีย การบำบัดน้ำเสีย และการประดิษฐ์ถังดักไขมันเพื่อใช้ในครัวเรือน การทดลองชุด “Food Waste Transformation“ เพื่อเรียนรู้เรื่องการจัดการขยะและการเปลี่ยนเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดย อ. ดร.นรินทร์ บุญตานนท์ มหาวิทยาลัยมหิดล
การทดลองชุด “มีอยู่จริงหรือเปล่า….?” โดย ผศ. ดร.มณฑิรา ยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล กับการสำรวจองค์ประกอบและคุณสมบัติของดินในบ้าน สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ทุกคนอยู่บ้านมากขึ้นนำไปสู่การหันมาปลูกต้นไม้และพืชผักสวนครัวมากขึ้น
และอีกหนึ่งกิจกรรมการเรียนรู้ “ความสำคัญของการสื่อสาร” โดยอาจารย์เมย์ ดร.ชนกพร พัวพัฒนกุล มหาวิทยาลัยมหิดล กับการฝึกทักษะการนำเสนองาน (presentation) ซึ่งเป็นทักษะที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพ ทั้งยังเป็นสิ่งที่น้อง ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งกับกิจกรรมการนำเสนอโครงงานกลุ่มวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมภายในค่ายฯ และการนำเสนออื่นๆ ในอนาคต