ผู้ชมทั้งหมด 1,378
BGRIM การันตียอดขายรวมปี 63 กว่า 60,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้โต 10-15% แย้มไตรมาส 3 /63 เติบโตโดดเด่น รับปัจจัยหนุนโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม 2 โครงการ รับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทองพาวเวอร์ พร้อมวางเป้าหมายยอดขายแตะระดับ 1.5 แสนล้านบาทในปี 72 ขณะปี 64 มั่นใจเติบโตก้าวกระโดด พร้อมเล็งปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตอีก 700 เมกะวัตต์
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า คาดว่ายอดขายรวมของกลุ่ม บี.กริมในปี 63 จะมียอดขายอยู่ในระดับ 60,000 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการขยายลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมราว 3,682 เมกะวัตต์ ซึ่งพอร์ตการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการโดย บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ ยังคงเป็นพอร์ตสร้างรายได้มากสุดของกลุ่ม หลังจากในปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ราว 44,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังไดรับปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจเพื่อสุขภาพ ธุรกิจสายส่ง และธุรกิจอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกันตนยังมั่นใจว่าจากเป้าหมายของการขยายการลงทุนในทุกปี โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้านั้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยกลุ่มบี.กริม มีเป้าหมายว่าภายในระยะ 8 ปี (64-72) จะมียอดขายรวมอยู่ในระดับ 150,000 ล้านบาท
ส่วนกรณีผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 นั้นที่ผ่านมารัฐบาลไทยก็สามารถรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี ก็อยากขอให้รัฐบาลไทยผ่อนปรนในเรื่องการเปิดให้นักลงทุนบินเข้ามาทำกิจกรรมด้านการลงทุนง่ายขึ้นโดยให้มีขั้นตอนในการคัดกรองน้อยลง เพื่อเพิ่มโอกาสดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนมีการย้ายไปลงทุนในประเทศเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิต
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/63 นั้นจะเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบกับไตรมาส 2/63 ขณะเดียวกัน BGRIM ยังมั่นใจว่าปี 63 รายได้จะเติบโต 10% เทียบกับปี 62 ที่มีรายได้ 44,660 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เวียดนาม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 677 เมกะวัตต์เต็มปี และได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทองพาวเวอร์ ขนาดกำลังการผลิต 123 เมกะวัตต์ รวมทั้งยังรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศกัมพูชา 39 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ในเดือน ต.ค.ปีนี้
ส่วนผลประกอบการในปี 64 มั่นใจว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดตามกำลังการผลิตที่ได้จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในสิ้นปี 63 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้วรวม 3,058 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ที่เดินเครื่องผลิตแล้วในไทยและมาเลเซีย รวม 700 เมกะวัตต์ในช่วงไตรมาส 1/64 โดยเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศไทยประมาณ 4 โครงการซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 64 ได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการเพิ่มเป้ากำลังการผลิตเป็น 7,200 เมกะวัตต์ได้ภายในปี 68 จากเดิมตั้งเป้าไว้ 5,000 เมกะวัตต์ภายในปี 65
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในเวียดนาม ขนาด 2,000-3,000 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสรุปการลงทุนในปี 64 นอกจากนี้ BGRIM ยังมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดได้มีการเจรจากับบริษัทจำหน่ายไฟฟ้า Merlaco ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในฟิลิปปินส์ โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ฟาร์ม ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์นั้นมีศักยภาพรวมกันกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบัน BGRIM ได้เริ่มลงทุนโซลาร์รูฟท็อปในฟิลิปปินส์แล้ว 6 เมกะวัตต์