ผู้ชมทั้งหมด 1,011
BANPU เตรียมพร้อม 45,700 ล้านบาทลุยลงทุน 5 ปี (2021-2025) เดินหน้าตามแผนขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานสะอาด ลุยซื้อกิจการโรงไฟฟ้า ขยายธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน พร้อมพิจารณาขยายลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เพิ่ม
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เปิดเผยว่า กลุ่มบ้านปูฯ ยังคงเร่งสร้างการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ (Banpu Transformation) อย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจมาแล้วกว่า 2 ปี
โดยการดำเนินงานเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจนั้นเป็นไปตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประสบความสำเร็จในการลงทุนเพื่อขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานสะอาด รวมทั้งยังสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที โดยในปี 2025 มั่นใจว่าสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจพลังงานสะอาดจะมากกว่า 50% ซึ่งธุรกิจพลังงานสะอาดนั้นจะประกอบไปด้วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าแก๊ส โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และ Entech โดยปัจจุบันธุรกิจพลังงานสะอาดมีสัดส่วน EBITDA อยู่ที่ 43%
อย่างไรก็ตามเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจเป็นไปตามแผน กลุ่มบ้านปูได้เตรียมแผนการลงทุนในช่วงระยะ 5 ปี (2021-2025) ด้วยงบลงทุนราว 45,700 ล้านบาท ซึ่งงบลงทุนในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินเพิ่มทุนราว 29,700 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้ราว 16,000 ล้านบาท ขณะในปี 2022 คาดใช้เงินลงทุนราว 8,500 ล้านบาท และในปี 2023 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 9,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามงบลงทุน 5 ปีนั้นก็มีโอกาสปรับเพิ่มเติมหากมีโครงการใหญ่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้า หรือการลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติก็ยังมีกระแสเงินสดจากการลงทุน และพิจารณากู้เงินสถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้ได้ในอนาคต
สำหรับการลงทุนตามแผนการลงทุน 5 ปีนั้นส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง เช่น แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนต่อยอดจากแหล่งที่มีอยู่ คือ แหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ กับ มาร์เซลลัส ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและความเหมาะสม ซึ่งทางบ้านปูฯ ก็ดูตลอดเวลา
รวมถึงการเน้นลงทุนในกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม โรงไฟฟ้าแก๊ส โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งกลุ่มบ้านปู ก็มองหาโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มประเทศที่เป็นฐานการลงทุนอยู่เดิมกว่า 13 ประเทศ และใช้สำหรับการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) ซึ่งจะเป็นการลงทุนตามแผนของการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ (Banpu Transformation) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter
ส่วนธุรกิจถ่านหินไม่มีการลงทุนเพิ่มเติม แต่จะลงทุนในส่วนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาช่วยในการขุดเจาะถ่านหินให้ได้ประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งยังเชื่อว่าในปี 2040 ความต้องการถ่านหินก็ยังไม่ลดลง
ขณะเดียวกันยังศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจเหมือง Green Tech Minerals ทั้งในออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เพื่อส่งเสริมและต่อยอดของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน รวมทั้งยังศึกษาการลงทุนในโรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) และ Data Center ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูงและสามารถเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปูให้ครบวงจรยิ่งขึ้น
สำหรับการลงทุนในปี 2564 (2021) นั้นในช่วงครึ่งแรกของปี กลุ่มบ้านปูฯ ประสบความสำเร็จในการต่อยอดกลยุทธ์ Greener & Smarter จากการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบลงทุนราว 615 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นการลงทุนในโรงไฟฟ้า Nakoso IGCC ในญี่ปุ่นขนาดกำลังการผลิต 73 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Beryl และ Manildra ในออสเตรเลียขนาดกำลังการผลิตรวม 167 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยล่าสุดได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT “Temple I” ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ขนาดกำลังการผลิต 768 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 430 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นการก้าวสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่เปิดเสรีและมีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT “Temple I” นั้นคาดว่าจะดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์ในเดือนตุลาคม 2564
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน กำลังการผลิต 38 เมกะวัตต์ จะใช้เงินลงทุนราว 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในขบวนการเข้าซื้อกิจการคาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2564 จะส่งผลให้รับรู้เป็นรายได้ทันทีเพราะเป็นโครงการที่เดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว