ผู้ชมทั้งหมด 1,063
EGCO ก้าวสู่บทบาทใหม่เป็นผู้จัดหาและนำเข้า LNG มุ่งบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าในกลุ่ม พร้อมนำเข้าล็อตแรกปลายปีนี้ 37,000 ตัน จากที่ได้รับอนุญาตจัดหาในปริมาณสูงสุด 200,380 ตันต่อปี
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ปพร้อมก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ หลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper License) ในปริมาณการจัดหาและค้าส่ง LNG สูงสุด 200,380 ตันต่อปี เป็นระยะเวลา 10 ปี
ทั้งนี้การนำเข้า LNG ของเอ็กโก กรุ๊ปนั้นจะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าเอสพีพีในกลุ่มเอ็กโกทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง โรงไฟฟ้าคลองหลวง และโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน ที่จะทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าและต่อยอดโอกาสการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงในอนาคต
อย่างไรก็ตามล่าสุดเอ็กโก กรุ๊ป แจ้งความประสงค์ต่อ กกพ. ขอปรับแผนนำเข้า LNG ล็อตแรกปลายปี 2564 ประมาณ 37,000 ตัน ซึ่งการดำเนินการจริงจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกพ. พร้อมกันนี้ ได้วางแผนจะนำเข้าแอลเอ็นจีอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป ด้านแหล่งก๊าซที่จะนำเข้ามาใช้งานยังอยู่ระหว่างเจรจา เบื้องต้นคาดว่าจะนำเข้าจากแหล่งก๊าซในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี กำลังผลิตติดตั้งรวม 256 เมกะวัตต์ ใช้ปริมาณแอลเอ็นจี 54,000 ตันต่อปี โรงไฟฟ้าคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี กำลังผลิตติดตั้งรวม 122 เมกะวัตต์ ใช้ปริมาณแอลเอ็นจี 27,000 ตันต่อปี และโรงไฟฟ้าเอ็กโก โคเจน จังหวัดระยอง ที่จะทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม (SPP Replacement) ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะสิ้นสุดในปี 2567 กำลังผลิตติดตั้งระหว่าง 100-120 เมกะวัตต์ ใช้ปริมาณแอลเอ็นจี 119,000 ตันต่อปี
“บทบาทใหม่ของเอ็กโก กรุ๊ป ในฐานะผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ นอกจากจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักในด้านของการเพิ่มความสามารถในการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งดังกล่าวแล้ว ยังเปิดโอกาสในการขยายการลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงในอนาคตด้วย” นายเทพรัตน์ กล่าวเสริม