ผู้ชมทั้งหมด 113
“นายกฯ” เชื่อปม “พีระพันธุ์” ถูกยื่นสอบคุณสมบัติ ไม่ซ้ำรอย “รัฐบาลเศรษฐา” ลั่น ยังไม่คิดโยกย้ายเจ้ากระทรวงแต่อย่างใด ขอสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนให้กำลังใจ ครม. ชุดนี้ รับมือวิกฤตโลก
วันนี้ (29 เม.ย.2568)น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 หรือ ครม.สัญจร จ.นครพนม โดยได้ตอบคำถามถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถูกยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยกับสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นั้น

น.ส.แพทองธาร มองว่า ความจริงแล้ว เรื่องนี้มีกระบวนการในการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มข้น และที่ผ่านมามีการตรวจสอบโดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะต้องไม่มีคุณลักษณะต้องห้าม ซึ่งเรื่องนี้ก็ผ่านมาแล้ว ซึ่งตนก็ต้องอาศัยหลายหน่วยงานในการตรวจสอบ เพราะรัฐมนตรีทุกคนรวมไปถึงตนเอง ก็ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบมาเช่นเดียวกัน
รวมถึง เรื่องบัญชีทรัพย์สินก็ถูกตรวจสอบและผ่านกันมาหมด ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ และวันนี้นายพีระพันธุ์ ก็ลาการประชุม ครม. แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะนายพีระพันธุ์ ก็ทราบดีอยู่แล้ว ว่า การจะผ่านเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องถูกตรวจสอบเข้มข้น หลังจากเกิดเหตุการณ์กรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า เซอร์ไพรส์มากกับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ผ่านมา พร้อมผายมือไปที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และระบุว่า อย่างท่าน “บิ๊กอ้วน” ของเรา ท่านรองภูมิธรรม ก็โดนย้ายกระทรวงเรียบร้อย เรื่องจริงๆ แล้ว เรื่องแบบนั้น ยังไม่ได้เกิดขึ้นในกระบวนความคิดของตนเองเลย จึงเกิดคำถามว่า “เอ๊ะ” เกิดขึ้นได้อย่างไร และไม่ทราบว่าตรงไหนหรืออย่างไร ที่ทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้นมา
“ยังไม่มีการย้ายกระทรวงใครหรืออะไรทั้งสิ้น ก็ขอให้ทำงานกันเต็มที่ เพราะตนก็ต้องพึ่งพา ครม.ทุกท่าน เพราะทุกคนมีกระทรวงอันใหญ่หลวง ที่ตนต้องพึ่งพาอยู่แล้ว ดังนั้น จึงขอสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนให้กำลังใจ ครม. ชุดนี้ด้วย เพราะเจอวิกฤตที่ไม่ใช่วิกฤตธรรมดา แต่เป็นวิกฤตโลก”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ไปยื่นร้องเรียนต่อ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนตรวจสอบ นายพีระพันธุ์ ข้อเท็จจริง ดังนี้
1. มีการอ้างถึงองคมนตรี ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 12 หรือไม่
2. ประเด็นการถือหุ้นอยู่ในบริษัท จำนวน 3 บริษัท หลังจาก นายพีระพันธุ์ รับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2566

นอกจากนี้ นายสนธิญา เรียกร้องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 และมาตรา235 เพื่อไต่สวนและมีความเห็นว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 187 ประกอบมาตรา 170 (4) (5) และ มาตรา 219 การกระทำที่ฝ่าฝืน ต่อจริยธรรมร้ายแรง ในข้อที่ 7 ข้อที่ 8 ข้อที่ 11 ข้อที่ 17 ข้อที่ 21 ประกอบข้อที่ 27
ทั้งนี้ เพื่อไต่สวนและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีการกระทำการดังกล่าว ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ก็ให้ ป.ป.ช. ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 235 ต่อไป