ผู้ชมทั้งหมด 181
“แอร์เอเชีย” ปี 68 ตั้งเป้าผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน รายได้โต 15% แม้ตลาดจีนหดตัว วอนรัฐบาลอัดงบโปรโมทท่องเที่ยว จัดเเคมเปญกระตุ้นตลาดจีน ขณะที่ตลาดในประเทศ ลั่นรักษาส่วนแบ่งไว้ที่ 40%

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2568 สายการบินไทยแอร์เอเชียวางเป้าหมายรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโตขึ้น 15% เทียบกับปีก่อนมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 49,436 ล้านบาท นับเป็นรายได้สูงที่สุด และสูงกว่าปี 2562 ที่มีรายได้ 40,181 ล้านบาท และจะยังคงรักษากำไรไว้ให้ได้เท่าปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 3,477 ล้านบาท
โดยการรายได้จากการขายและการให้บริการนั้นมีกลยุทธ์สำคัญ คือ การเพิ่มสัดส่วนระหว่างตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศจาก 60 ต่อ 40 เป็น 65 ต่อ 35 คาดว่าตลาดในประเทศน่าจะโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20% เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ของตลาดในประเทศไว้ที่ 40% ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 41%
ส่วนการขนส่งผู้โดยสารบริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2568 ไว้จะต้องมีผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน จากปี 2567 นั้นอยู่ที่ 20.8 ล้านคน เป็นผลจากการขยายฝูงบินเพิ่มจากปัจจุบันที่มีจำนวน 60 ลำ เป็น 66 ลำ ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งในปีนี้มีการรับมอบเครื่องบินไปแล้ว 1 ลำ และเตรียมจะรับมอบอีก 1 ลำในเดือนเมษายนนี้ ส่วนอีก 4 ลำที่เหลือคาดว่าจะรับมอบในช่วงปลายเดือนกันยายน 2568 โดยในจำนวนนี้จะมี เครื่องบิน A321LR และ A321XLR เพื่อนำมาขยายตลาดไปในเส้นทางที่ไกลขึ้น ทั้งนี้แผนในระยะยาวบริษัทฯ มีเป้าหมายเพิ่มฝูงบินให้ใหญ่ขึ้นเป็น 97 ลำในปี 2573 รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน
อย่างไรก็ตามในปี 2568 บริษัทฯ ยังมีความกังวลใจเรื่องของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากนโยบายที่เกินการควบคุม ทั้งนโยบายจากฝั่งสหรัฐอเมริกา ฝั่งยุโรป รวมทั้งความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่อาจจะลดลงได้ ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะไปแตะที่ 40 ล้านคนตามเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้วางได้หรือไม่ เนื่องจากมีตัวแปรสำคัญ คือ ตลาดจีนที่มีเป้าหมายจำนวน 8 ล้านคน มากกว่าปี 2567 ที่มีนักท่องเที่ยว 6.7 ล้านคน
ทั้งนี้จากที่ได้มีการหารือกับ ททท. และหลายๆภาคส่วนก็เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนเรื่องความไม่เชื่อมั่นในการเที่ยวประเทศไทย โดยพบตัวเลขที่น่าตกใจคือในปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกว่า 7 ล้านคน และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 มีชาวจีนเดินทางไปญี่ปุ่นสะสม 1.7 ล้านคน เติบโตขึ้น 95% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมากกว่าจีนมาเที่ยวในไทย

ขณะเดียวกันจีนก็เริ่มหันไปเที่ยวในเวียดนามมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวเวียดนามกว่า 7 แสนคน เติบโตขึ้นถึง 200% และมาเลเซีย ก็มี นักท่องเที่ยวจีนทยอยเดินทางไปเพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงว่าไทยอาจจะเสียโอกาสในการแข่งขัน จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า ให้เร่งแก้ไขเรื่องภาพพจน์โดยเร็วรักษาตลาดจีนไว้
โดยรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณให้ ททท. เป็นกรณีพิเศษ เพื่อดำเนินการโปรโมทการท่องเที่ยวที่ประเทศจีน เช่น การจัดเคมเปญกระตุ้นตลาดจีน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังไทย หรือใช้สื่อจีนในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งเหลือเวลาปะมาณ 9 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้จากผลกระทบของนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงนั้นไทยแอร์เอเชียมีการปรับสัดส่วนเที่ยวบินในเส้นทางจีนจาก 30% ลงเหลือประมาณ 17% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ยังคงรักษาสิทธิการบินและรักษาสลอตไว้ หากมีแนวโน้มที่ดีขึ้นก็พร้อมจะนำเที่ยวบินกลับมาเช่นเดิม ซึ่งจากตัวเลขในไตรมาสแรกพบว่ามีผู้โดยสารชาวจีนจำนวน 1.1 แสนคน คิดเป็นประมาณ 10% จากจำนวนชาวจีนทั้งหมดที่เดินทางมาไทย 1.2 ล้านคน และตั้งเป้าว่าในปีนี้ จะมีผู้โดยสารชาวจีนประมาณ 5.2 แสนคนจากเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั้งหมด 8 ล้านคน
“แม้ว่าเราจะสูญเสียนักท่องเที่ยวจีนไปบ้างแล้ว แต่ก็หวังว่าจะได้นักท่องเที่ยวจากที่อื่นมาชดเชยได้ เช่น จากอินเดีย หากสามารถเจรจาเพิ่มสิทธิทางการบินเพิ่มได้ก็เชื่อว่าจะมีชาวอินเดีนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นแน่นอน รวมถึงจากทางฝั่งยุโรป และสหรัฐอเมริกา ก็น่าจะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน” นายสันติสุข กล่าว