ผู้ชมทั้งหมด 1,212
GUNKUL สตอรี่เด่น เร่งลงทุนต่อเนื่อง มุ่งปิดดีลโซลาร์ฟาร์ม พลังงานลม ในไทย-เวียดนามสู่เป้าหมายกำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ชิงงาน EPC 2 หมื่นล้าน ลุยลงทุนกัญชง เล็งซื้อธุรกิจแปรรูปกัญชา เสริมแกร่งรายได้
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตราว 9,000 ล้านบาท หรือใกล้เคียงกับปี 2563 ที่มีรายได้ 8,996 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตในมือราว 790 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการการผลิตที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) 640 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์รูปท็อป 150 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของรายได้ในปีนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงมุ่งเป้าหมายให้ได้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2566 ซึ่งยังขาดอีก 210 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาเข้าไปลงทุนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลมในประเทศเวียดนาม รวมถึงซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทยคาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ จึงมั่นใจว่าจะมีกำลังการผลิตตามเป้าหมายได้ภายในปี 2566 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง จำนวน 2-3 โครงการ เป็นโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ใช้พืชหมักและของเสียจากโรงงาน กำลังการผลิตแห่งละ 3-5 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทปีนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจธุรกิจงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) เนื่องจากมีงานในมือ (Backlog) ราว 5,800 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจเทรดดิ้ง อย่างไรก็ตามสำหรับงาน EPC นั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังเตรียมเข้าประมูลงานอีกมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท คาดหวังได้งานส่วนนี้อย่างน้อย 15% ดังนั้นคาดว่าในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี บริษัทจะมี Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึงปี 2566 ช่วยสนับสนุนให้รายได้ของธุรกิจ EPC เติบโตขึ้นตามลำดับ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11-12%
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้อยู่ในระดับ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว 15-20% ซึ่งนอกจากได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ธุรกิจไฟฟ้า จากการทยอยรับรู้รายได้งาน EPC และธุรกิจเทรดดิ้งแล้วยังคาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชง และกัญชาเข้ามาประมาณ 1,500 – 2,000 ล้านบาท ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าการดำเนินธุรกิจกัญชง กัญชาต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ด้วย อย่างไรก็ตามธุรกิจกัญชง กัญชานั้นจะรับรู้เต็มปีในปี 2566 ส่งผลเป้ารายได้ปี 2566 จะเติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 11,000 – 12,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้า คิดเป็นประมาณ 50% ,ธุรกิจงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) สัดส่วน 30% และธุรกิจเทรดดิ้ง สัดส่วน 20% ของรายได้รวมทั้งหมด ในและปี 2565 บริษัทจะมีสัดส่วนส่วนรายได้จากธุรกิจกัญชงเข้ามาเสริม โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ธุรกิจกัญชงและกัญชา อยู่ที่ 25% ภายในปี 2565-2566
สำหรับการขยายการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ นั้นได้เตรียมงบลงทุนสำหรับปี 2564-2566 รวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินลงทุนสำหรับธุรกิจไฟฟ้า 15,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินลงทุนในธุรกิจกัญชง กัญชา 2,000 ล้านบาท และธุรกิจ Built2Suit อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท
นายสมบูรณ์ กล่าวถึงแผนการลงทุนในธุรกิจกัญชง ว่า การลงทุนในธุรกิจกัญชง นั้นบริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ 1,900 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในระยะ 3 ปี (2564-2566) แบ่งเป็นการลงทุนโรงเรือน 1,500 ล้านบาท ลงทุนโรงสกัด 300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก 100 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มเพาะปลูกได้ในเดือนตุลาคม 2564 คาดว่าจะเริ่มเห็นการออกผลผลิตในช่วงปลายปีนี้ พร้อมสกัดและเริ่มออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 ตั้งเป้าไว้ที่ 100 กิโลกรัมต่อวัน และเพิ่มเป็น 500 กิโลกรัมต่อวันในช่วงไตรมาส 2/2565 จากนั้นจะผลิตเต็มกำลังเป็น 1,100 กิโลกรัมต่อวัน ภายในไตรมาส 3/2565
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนซื้อกิจการธุรกิจแปรรูปกัญชง กัญชา ขั้นปลายน้ำ เพื่อต่อยอดธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจจาเพื่อทำดีลซื้อกิจการ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่งบลงทุนที่ได้เตรียมไว้สำหรับการลงทุนในธุรกิจกัญชง กัญชา 2,000 ล้านบาท
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน GUNKUL อยู่ระหว่างทำดีลร่วมลงทุนกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อป การบริหารจัดการไฟฟ้า รวมถึงการติดตั้งสถานีอัดปะจุไฟฟ้ายานยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) โดยเตรียมเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้