ผู้ชมทั้งหมด 207
สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี ประกาศเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับโลก IEEE PES GTD Asia 2025 รวมพลคนพลังงาน กว่า 1 หมื่นคนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสะพัดกว่า 600 ล้าน
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ นายกสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) และผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากความสำเร็จในการจัดงานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการนานาชาติ IEEE PES Generation Transmission and Distribution (GTD) Grand International Conference and Exposition Asia 2019 ซึ่งเป็นการจัดงานฯ ครั้งแรกในประเทศไทยและครั้งแรกในเอเชีย เมื่อปี2562 ที่มีผู้ประกอบการด้านไฟฟ้าและพลังงานเข้าร่วมจัดนิทรรศการนานาชาติบนพื้นที่การจัดแสดงงานกว่า 17,000 ตารางเมตร และมีผู้เข้าร่วมการประชุมและเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงานกว่า 10,000 คน ส่งผลให้ทางสมาคมฯ และประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจาก IEEE Power & Energy Society สำนักงานใหญ่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพจัดงาน IEEE PES GTD Asia 2025 (งานประชุมวิชาการและนิทรรศการนานาชาติด้านไฟฟ้าและพลังงาน ไอทริปเปิลอี เอเชีย 2568)
โดยจะมีการจัดงานขึ้นในระหว่างวันที่ 26 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้หัวข้อหลัก “Accelerating The Energy Transition toward Carbon Neutrality – A Sustainable Energy Future for All” หรือ “การเปลี่ยนแปลงพลังงานสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่ออนาคตพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่งานระดับโลกดังกล่าวได้มาจัดที่ประเทศไทยเป็นครั้งที่สามในเอเชีย และครั้งที่สองในประเทศไทย โดยมีแผนจะจัดงานเป็นประจำในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในระยะยาว หลังจากที่ได้มีการจัดงาน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา มาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี
นายวิลาศ กล่าวอีกว่า การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1หมื่นคน ซึ่งน่าจะมาจากต่างประเทศเกือบ 4พันคน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าในประเทศอีกประมาณ 6พันคน โดยมีหัวข้อหลักคือการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนสู่อนาคตพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยมีนโยบายเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการเป็นNet Zero ทางคาร์บอนในปี 2065 ดังนั้นการจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการใช้เทคโนโลยีทางด้านการผลืต การส่ง การจำหน่าย การใช้AI และการใช้ดิจิตอลทางด้านกระแสไฟฟ้า เพื่อทำให้ไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้เร็วขึ้น
โดยภายในงานจะมีไฮไลต์สำคัญคือการนำเสนอความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาองค์ความรู้ เนื่องจากเราไม่สามารถ ทำงานกับมนุษย์เพียงอย่างเดียวได้แล้วจะต้องทำร่วมกับAI ในการจัดการระบบไฟฟ้า ที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นทุกวัน เพื่อทำให้ระบบ การส่งจ่ายไฟฟ้ามีความมั่นคงมากขึ้น
โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้เห็นเทคโนโลยีในการพัฒนาระบบพลังงานในประเทศ ซึ่งปัจจุบันประชาชนสามารถเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองเพียงข้ามคืน โดยการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้าน ที่เป็นพลังงานสะอาด รวมถึงเห็นความก้าวล้ำของต่างประเทศว่าไปในทิศทางไหน เพื่อนำไปสู่การปรับใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายวีรกร อ่องสกุล ประธานการจัดงานประชุมและนิทรรศการฯ กล่าวว่าภายในงาน IEEE PES GTD Asia 2025 ในครั้งนี้ จะเป็นการรวม Main Tracks ด้านระบบผลิตพลังงาน ระบบส่งและจำหน่ายพลังงาน ด้านพลังงานทดแทน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน รวมทั้งยังมีการประชุมวิชาการ และการจัดนิทรรศการนานาชาติจากบริษัทและองค์กรชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับนานาชาติเข้ามาถ่ายทอดความรู้ และเทคโนโลยีล่าสุดด้านพลังงาน นำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาการวิจัยและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงานของประเทศให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม
สำหรับรูปแบบการจัดกิจกรรมภายในงาน จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม (Exhibition and Showcase) , การนำเสนอบทความวิจัย (Oral Session) , การบรรยายปาฐกถาพิเศษ (Keynote Session) , การเสวนา (Panel Session) , การบรรยายสาธิตเชิงวิชาการ (Tutorial and Workshop) , การแสดงผลงานวิจัยผ่านโปสเตอร์ (Poster Session) , การประชุมวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง (Conference and Meeting) , การศึกษาและดูงานเชิงเทคนิค (Technical Tour) , กิจกรรมทางสังคม (Social Function) และกิจกรรม Networking
นายนพพร ลีปรีชานนท์ อุปนายกด้านการจัดประชุมวิชาการ (IEEE PES Thailand Vice Chair Meeting and Conference) กล่าวว่า ในส่วนของประเภทสินค้าและบริการที่จัดแสดงภายในงานฯ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน ดังนี้
1. กลุ่มการผลิตไฟฟ้า ประกอบด้วย เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า , การเดินเครื่องและอุปกรณ์โรงไฟฟ้า , กังหันก๊าซและเครื่องยนต์ดีเซล , หม้อต้มและเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน วาล์วและปั๊ม เป็นต้น
2. กลุ่มระบบส่งและการจำหน่ายพลังงาน ได้แก่ สมาร์ทกริดและมิเตอร์อัจฉริยะ , นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล , ไมโครกริดและระบบกักเก็บพลังงาน, อาคารและบ้านอัจฉริยะ , แบตเตอรี่และเซลล์เชื้อเพลิง , หม้อแปลงไฟฟ้า ฉนวน มอเตอร์ และตัวควบคุม , สายไฟและสายเคเบิล เป็นต้น
3. กลุ่มพลังงานทดแทน ได้แก่ เทคโนโลยีชีวมวลและก๊าซชีวภาพ , พลังงานขยะมูลฝอย , พลังงานลม , พลังงานแสงอาทิตย์ , ไฟฟ้าพลังน้ำ , พลังงานอัจฉริยะ , การขนส่งที่ยั่งยืน , ระบบการจัดการพลังงานและดิจิทัล และธุรกิจการค้าคาร์บอนเครดิต เป็นต้น
ภายในโซนนิทรรศการจะเป็นเวทีจัดแสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีด้านไฟฟ้าและพลังงาน โดยมีไฮไลท์ที่สำคัญจากผู้สนับสนุนหลักในการจัดแสดงนำโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือปตท. รวมทั้งยังมีการจัดแสดงสินค้าและบริการจากบริษัทชั้นนำระดับนานาชาติ อาทิ บริษัท ฮิตาชิ เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) บริษัท ชไนเดอร์ อีเล็คทริค (ประเทศไทย) และบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงาน จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับประเทศไทยในการแสดงศักยภาพด้านการพัฒนาความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่ออนาคตพลังงานที่ยั่งยืน กระตุ้นการวิจัย ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน และสร้างเครือข่ายความร่วมมือของด้านไฟฟ้าและพลังงานระหว่างประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บ มีพันธกิจหลักในการพัฒนาธุรกิจการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าหรือธุรกิจไมซ์ของประเทศไทย โดยมีภารกิจสำคัญคือการดึงงานระดับนานาชาติเข้ามาจัดในไทย ดังนั้นจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการและนิทรรศการนานาชาติดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่าการจัดงานดังกล่าวจะช่วย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 600 ล้าน
อย่างไรก็ตาม ทีเส็บจะเดินหน้าผสานความร่วมมือกับ IEEE PES Thailand และร่วมผลักดันการประมูลสิทธิ์งานประชุมนานาชาติสู่ประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ร่วมประชุมด้านไฟฟ้าและพลังงานที่จะเดินทางมาจากทั่วโลกช่วงปลายปีนี้ และจะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์อันน่าประทับใจกับบุคลากรและผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและพลังงานชาวไทยทุกคน