ผู้ชมทั้งหมด 68
”บี.กริม เพาเวอร์“ ลุ้นผลประกอบการปี 2568 โตต่อเนื่อง รับโครงการใหม่ทยอย COD ในปีนี้และปีหน้า จำนวน 605 เมกะวัตต์ เตรียมนำเข้าLNG ไม่เกิน 5 ลำ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้า IUs รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ ขณะที่งบปี 2567 เติบโตแข็งแกร่งพร้อมประกาศปรับเพิ่มนโยบายการจ่ายเงินปันผล
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานในปี 2568 บี.กริม เพาเวอร์ คาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับ SPP อยู่ที่ 320-350 บาทต่อล้าน BTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี 2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 324 บาทต่อล้าน BTU โดยวางแผนนำเข้า LNG ไม่เกิน 5 ลำ เพื่อนำเข้าสู่ระบบ Pool Gas พร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้า IUs รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้ยังมีโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะ COD ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า กำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 605 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา 18 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” ในประเทศไทย 80 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และราชอาณาจักรบาห์เรน 27.5 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol” ในสาธารณรัฐเกาหลี 365 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 65 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และเสนอจ่ายเงินปันผลต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในเดือนเมษายน 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.43 บาท สำหรับปี 2567 ประกอบด้วยเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และเงินปันผลจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท
สำหรับผลประกอบการปี 2567 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,227 ล้านบาท เติบโต 5.8% และ EBITDA ที่ 14,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งเป็นกำไรที่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และรายการที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ จะอยู่ที่ 1,557 ล้านบาท
การเติบโต ดังกล่าว มาจากปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้น 10.8% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้า SPP 3 โครงการ ในเดือนมีนาคม, ตุลาคม และธันวาคม 2566 รวมกำลังผลิต 420 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 14.2% และปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเวียดนามเติบโตขึ้น 6.4% เทียบจากปีก่อน รวมถึงรายได้การให้บริการที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงการ และปริมาณขายไอน้ำในประเทศไทยที่เติบโตขึ้น 19.1% เทียบจากปี 2566 ตามการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าเดิม และความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ตลอดปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ มีความมุ่งมั่นในการขยายพอร์ตด้านพลังงานหมุนเวียน ด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ โดยได้ขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนรวม 1,345 เมกะวัตต์ (Committed) ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง จำนวน 740 เมกะวัตต์ในสาธารณรัฐเกาหลี, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา 33.7 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และราชอาณาจักรบาห์เรน, โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 29.9 เมกะวัตต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 65 เมกะวัตต์ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กำลังผลิตติดตั้งรวม 476.3 เมกะวัตต์ในประเทศไทย (รวมโครงการที่ได้รับการคัดเลือกภายใต้โครงการพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาล) นอกจากนี้ ได้เข้าลงทุนใน Nemaroo Bimbi Wind Farm Pty. Ltd. ในประเทศออสเตรเลีย และ LT09 S.r.I. ในสาธารณรัฐอิตาลี เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงได้ร่วมมือกับกรีนเนอร์ยี่ และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เพื่อพัฒนาพลังงานหมุนเวียนด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ในไตรมาสที่ 4/2567 บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในหลากหลายด้าน อาทิ การได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ขนาดโครงการรวม 60.90 เมกะวัตต์ โดยกำหนดเปิด COD ช่วงปี 2571-2573 นอกจากนี้ บริษัท บี.กริม โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟท็อป จำกัด (บริษัทย่อย) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังได้ลงนามในสัญญาจ้างงานตามโครงการจัดการพลังงานไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ กำลังติดตั้ง 10.26 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี มีกำหนดเปิด COD ช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2569 ขณะเดียวกัน บริษัท
บี.กริม แอลเอ็นจี ยังได้นำเข้า LNG จำนวน 2 ลำ ในเดือนตุลาคม และธันวาคม โดยปี 2567 นำเข้าทั้งสิ้น 3 ลำ รวมจำนวนประมาณ 198,000 ตัน เข้าสู่ระบบ Pool Gas เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์ ต่อไป