ผู้ชมทั้งหมด 89
ครม.อนุมัติสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 2 นครราชสีมา – หนองคาย กรอบวงเงิน 3.4 แสนล้าน รอ! อีก 8 ปี คาดได้นั่งเชื่อมลาว – จีน ขณะที่เฟส 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา นายกฯ สั่งคมนาคม – รฟท. ให้เร่งดำเนินการก่อสร้าง หลังพบล่าช้ากว่าแผน 42%
โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนระบบรถไฟความเร็วสูง (รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน) ระยะที่ 2 (เฟส 2) ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร (กม.) มูลค่าโครงการ 341,351.42 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานก่อสร้างงานโยธา 235,129.40 ล้านบาท,ค่าลงทุนระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165.61 ล้านบาท, ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และชดเชยทรัพย์สิน 10,310.10 ล้านบาท,ค่าที่ปรึกษาควบคุมงาน บริหารโครงการและวิศวกร อิสระ10,060.10 ล้านบาท และงานก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทาในรูปแบบศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One stop service) วงเงิน 5,686.21 ล้านบาท โดยล่าสุดการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่มี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 แล้ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ระยะที่ 2 จาก จ.นครราชสีมา – จ.หนองคาย ที่มีระยะทาง 357.12 กิโลเมตรนั้นจะประกอบด้วย 5 สถานี ได้แก่ (1) สถานีบัวใหญ่ (2) สถานีบ้านไผ่ (3) สถานีขอนแก่น (4) สถานีอุดรธานี และ (5) สถานีหนองคาย โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2568 – 2575 รวมระยะเวลา 8 ปี อย่างไรก็ตามโครงการนี้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ให้ตามความเหมาะสม
ทั้งนี้โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีนระยะที่ 2 เมื่อพิจารณา EIRR เชิงกว้าง กรณีโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีน ทั้งในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 พบว่า มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 13.23% ซึ่งยังมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ขณะเดียวกันโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีนนั้นก็ได้รับความเห็นชอบรายงาน EIA จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา ระยะทาง 250 กิโลเมตร ณ วันที่ 25 มกราคม 2568 งานก่อสร้างในภาพรวมมีความคืบหน้าไปเพียง 40.53% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 2571 อย่างไรก็ตามการดำเนินการก่อสร้างในระยะที่ 1 นั้น นางสาวแพทองธาร ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากล่าช้ากว่าแผนกว่า 42%
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีน ระยะที่ 2 คาดว่า จัดทำรายละเอียดเอกสารการประกวดราคา (ทีโออาร์) แล้วเสร็จและเริ่มกระบวนการประกวดราคาได้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 โดยรฟท.ต้องไปศึกษารายละเอียดและการแบ่งสัญญาการประมูลไม่ให้มีมากเกินไป โดยนำโครงการระยะที่ 1 มาเป็นบทเรียน ซึ่งสัญญาของโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 จะต้องน้อยลงกว่าระยะที่ 1 ที่มีมากถึง 14 สัญญา สำหรับโครงระยะที่ 2 นั้นมีเป้าหมายการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2574
นายสุริยะ กล่าวว่า ในส่วนของงานโยธาและการก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา นั้น รฟท.จะเป็นผู้รับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ให้ตามความเหมาะสม ส่วนงานเดินรถและบริการจัดการศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา ก็ให้รฟท.ดำเนินการในรูปแบบโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน(พีพีพี) ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐประหยัดงบลงทุนไปประมาณ 7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 23%
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีนของทั้ง 2 เฟสนั้น รฟท.สามารถเริ่มกระบวนการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาเดินรถตลอดเส้นทางได้เลย เพื่อรองรับการเปิดให้บริการเดินรถของโครงการระยะที่ 1 ในปี 2571 และเมื่องานก่อสร้างโครงการระยะที่ 2 แล้วเสร็จในปี 2574 ก็สามารถเปิดเดินรถได้ทันที
ส่วนปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของโครงการระยะที่ 1ในสัญญา 4-1 บางซื่อ-ดอนเมือง กับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมแก้ไขสัญญา คาดว่าจะจบภายในเดือนเมษายน 2568 ขณะที่สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ในส่วนของสถานีอยุธยานั้นอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องมรดกโลกจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ก่อนจะดำเนินการต่อไป