ผู้ชมทั้งหมด 106
“สุริยะ” ขานรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จับมือเอกชนรถขนส่งสาธารณะ ให้ประชาชนใช้ฟรี 7 วัน หวังลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล สั่งการทุกหน่วยงานที่มีการก่อสร้างเข้าคุมเข้มทุกกระบวนการ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้มีความห่วงใยประชาชน จากสถานการณ์ฝุ่นละออง 2.5 (PM2.5) ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้ ที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม เข้าดูแลบริหารจัดการ ด้านโครข่ายคมนาคม เพื่อลดปัญหา PM 2.5
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมพร้อมด้วยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งนี้ตนมีความเป็นห่วงประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้เร่งดำเนินการทุกๆด้าย เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติดังนั้นจึงได้สั่งการ และ มอบหมายนโยบายให้กับทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนโดยทันที
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้เจรจากับผู้ประกอบการด้านรถไฟฟ้า ที่ให้บริการประชาชน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยจะให้ประชาชน ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าฟรีทุกสาย ในระยะ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ถึง 31 มกราคม 2568 สำหรับรายได้ของทางเอกชนที่สูญเสียไปนั้น ทางรัฐบาลจะชดเชยตามค่าเฉลี่ย 7 วัน รวมประมาณ 140 ล้านบาทโดยมาจาก งบกลาง
นอกจากนั้นแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถสาธารณะ และลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จึงให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ( ขสมก.) ดำเนินการด้าน ให้ประชาชนใช้บริการ รถเมย์ ฟรี ทุกสาย ในระยะเวลา 7 วันเช่นกันตั้งแต่ วันที่ 25 มกราคม ถึง 31 มกราคม 2568
สุริยะ กล่าวเสริมว่า อีกทั้งยังมอบหมายให้หน่วนงาน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ลงพื้นที่ตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารสารธารณะและรถบรรทุก เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก Pm2.5 ในกรุงเทพมหานคร จำนวน8 จุดประกอบด้วย 1.บริเวณหน้าพิวเจอพาร์ครังสิต 2.ท่าเรือคลองเตย 3.หน้าสวนจตุจักร ถ.พหลโยธิน 4. ถ.บางนา–ตราดกม.1 5. ถ.สุวินทวงศ์ หน้าการปะปามีนบุรี 6. ถ.พระรามสอง ขาออก หน้าแขวงการทางบางขุนเทียน7.ถ.รังสิต–นครนายก กม.4 หน้าโลตัส 8. ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า –ออก โดยหลังจากนี้ จะให้เจ้าพนักงานกระจายตามจุดต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าควบคุมมลภาวะทางรถยนต์ให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม พร้อมที่จะพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะหลักให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขับเคลื่อนการพัฒนาเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะรอง (Feeder) ในการเชื่อมต่อการเดินทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างมีศักยภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อโอกาสของประเทศไทย และเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทุกด้าน
นอกจากนั้นแล้ว ยังได้ให้ กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท(ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่างๆ เข้าบริหารจัดการพื้นที่ทันที เบื้องต้นให้ ผู้รับเหมาฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาดล้อรถที่เข้า – ออกพื้นที่ก่อสร้างกวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง ปิดคลุมวัสดุก่อสร้างในการเก็บกองและขนย้าย และจัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาเด็ดขาด