ผู้ชมทั้งหมด 1,789
PTTGC กูรูการันตีไตรมาส 2/64 ผลงานดีกว่าไตรมาส 1/64 และดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาพรวมปี 64 คาดกำไร 3.4 หมื่นล้าน ประเมินปันผลปีนี้ 3.4 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.1% แนะนำซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเป็น 82 บาท
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ประเมินแนวโน้มผลประกอบการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2564 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 เนื่องจากค่าการกลั่น ราคาผลิตภัณฑ์ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเติบโตตามทิศทางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่าง กลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน ที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ให้กับประชาชนได้จำนวนมาก ส่งผลให้สถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลายดีขึ้น และคาดว่าภายในไตรมาส 3/2564 จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในสัดส่วนกว่า 75% ของจำนวนประชากร
ขณะเดียวกันในปัจจุบันยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีนได้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์จะส่งผลให้ความต้องการใช้ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมของไตรมาส 2/2564 ยังได้รับปัจจัยหนุนจาก สเปรดราคาผลิตภัณฑ์ (Product Spread) ทั้งค่าการกลั่นกลุ่มน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา ยังคงปรับตัวเพิ่ม อะโรเมติกส์ก็มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มเช่นกัน
ขณะที่ส่วนต่างราคาพาราไซลีนและเบนซีน คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 22% และ 50% ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 ส่วนราคา HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,232 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นราว 7.6% เทียบกับไตรมาสก่อน ร่วมไปถึงส่วนต่างราคา MEG ที่เพิ่มขึ้น 35% และ PP เพิ่มขึ้น 79% เทียบกับไตรมาสก่อน นอกจากนี้ไตรมาส 2/2564 ยังจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้น บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC อยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2564 อีกด้วย
ทั้งนี้จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น ราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเคมี ปิโตรเลียมปรับตัวเพิ่มนั้นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จึงประเมินภาพรวมผลประกอบการในปี 2564 ว่าจะมีกำไรสุทธิ 34,322 ล้านบาท รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น GPSC แต่ไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลจากสต๊อกน้ำมัน โดยประเมินราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
พร้อมกับคาดการณ์เงินปันผลในปีนี้ บริษัทจะจ่ายได้ไม่น้อยกว่า 3.4 บาท และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.1% พร้อมกันนี้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังได้ปรับราคาเป้าหมายเพิ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับประมาณการ โดยให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 82 บาท (เดิม 71 บาท) มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2564 จึงยังคงคำแนะนำซื้อ