กฟผ. พาเยือน “ไห่หนาน” เที่ยว ชม พลังงาน

ผู้ชมทั้งหมด 512 

มณฑลไห่หนาน หรือ ไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวพักตากอากาศของจีน ซึ่งมีบรรยากาศธรรมชาติคล้ายๆ กับประเทศไทย และยังเป็นเมืองสำคัญด้านพลังงาน ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลมณฑลไห่หนานจึงได้ออก “แผนปฏิรูปพลังงาน” ตั้งเป้าหมายใช้พลังงานสะอาด (ก๊าซธรรมชาติ / นิวเคลียร์ /พลังงานหมุนเวียน) สัดส่วน 50% ภายในปี 2030 และใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในปี 2035 มุ่งสู่การเป็นเกาะพลังงานสะอาด (Clean Energy Island : CEI) โดยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงถ่านหิน และส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และห้ามจำหน่ายยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน

การเดินทางร่วมทริปกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 3 – 8 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เป็นทริปเปิดโลกใหม่ด้านพลังงาน เพื่อศึกษาดูงานเทคโนโลยีด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor) หรือ SMR โรงไฟฟ้า Yinggehai Solar Power Plant ณ เมืองซานย่า ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการดูงาน หลังจากในวันแรกเป็นการรับข้อมูลดูงานจาก คุณเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการกฟผ. ส่วนวันที่ 3 ของการดูงานนั้นไปศึกษาดูงานที่ศูนย์ข้อมูลด้านพลังงานไห่หนาน (Hainan Energy Data Center) เป็นศูนย์รองรับการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของเมืองไห่หนานที่จะช่วยให้ไปสู่เป้าหมายการเป็นเกาะที่ใช้พลังงานสะอาด

สำหรับการเดินทางไปศึกษาดูงานทริปนี้ นอกจากโรงไฟฟ้า SMR และศูนย์ข้อมูลด้านพลังงานไห่หนาน ที่เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของการดูงานในครั้งนี้แล้ว อีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ คือ โรงไฟฟ้า Yinggehai Solar Power Plant มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 430 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสถานีกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลไห่หนาน ตั้งอยู่บนพื้นที่นาเกลือเก่า และพื้นที่ลุ่มน้ำชายฝั่ง Nachao ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพ ควบคุมความถี่ของระบบไฟฟ้าในเขต Ledong และทั่วทั้งมณฑลไห่หนาน

นอกจากกำลังการผลิตติดตั้งรวมที่ใหญ่แล้วจุดเด่นของโรงไฟฟ้า Yinggehai Solar แห่งนี้ คือ ระบบควบคุมที่สามารถสั่งการ โดยการตั้งเวลาและเส้นทางให้หุ่นยนต์และโดรนออกไปสำรวจแผงโซลาร์เซลล์และพื้นที่ระบบกักเก็บพลังงานแบบอัตโนมัติ เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ หรือสิ่งแปลกปลอม ด้วยระบบอินฟราเรด ในการตรวจวัดอุณหภูมิ ด้วยระบบประมวลผล AI ซึ่งสามารถแจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อแผงโซลาร์เซลล์เกิดความผิดปกติ พร้อมวิเคราะห์ความผิดปกติดังกล่าวว่าจะส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้าหรือไม่ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องแก้ไข ระบบจะสามารถแจ้งความผิดปกติ พร้อมให้ข้อแนะนำได้ตรงจุดและแม่นยำ ช่วยลดระยะเวลา และจำนวนเจ้าหน้าที่ในการดูแลพื้นที่ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยนั้นยังไม่มีการนำเอาหุ่นยนต์และโดรนสำรวจแผงโซลาร์เซลล์

อีกไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือ การไปดูสถานีไฮโดรเจนไห่โข่ว สำหรับผลิตไฮโดรเจนสีเขียวจากไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ กำลังผลิต 5 เมกะวัตต์ ด้วยกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) แยกน้ำเป็นไฮโดรเจนด้วยไฟฟ้า ซึ่งสามารถผลิตไฮโดรเจนสีเขียวได้ 100 กิโลกรัมต่อวัน จากนั้นนำไปกักเก็บไว้ในถังเก็บไฮโดรเจนสามารถเติมให้รถที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้

นอกจากนี้ยังได้ทดลองนั่งรถยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน หลังจากที่ได้ทดลองนั่งบอกได้เลยว่ามีความแรง อัตราการเร่งความเร็วไม่แตกต่างจากรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน แต่คงต้องใช้ระยะเวลาอีกนานหลายปีถึงจะสามารถพัฒนาออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้ แม้จะมีข้อดีในเรื่องการเป็นเชื้อเพลิงสะอาดไม่ปล่อยมลพิษในขณะที่ใช้งานแต่ก็มีข้อจำกัดในหลายเรื่อง รถยนต์ไฮโดรเจนยังมีต้นทุนที่สูง การจัดเก็บเชื้อเพลิงต้องระมัดระวังการจัดเก็บ และขนส่งเชื้อเพลิงเพราะไฮโดรเจนเป็นก๊าซไวไฟ สามารถจุดติดด้วยประกายไฟเพียงน้อยนิด ต้องตรวจสอบกระบอกสูบเป็นประจำตามระยะการใช้งานทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

การร่วมทริปศึกษาดูงานบนเกาะไห่หนานกับกฟผ.ครั้งนี้ในวันที่ 3 ขอทริปพอมีเวลาว่างจากการศึกษาดูงานก็มีโอกาสได้ไปสักการะขอพรเจ้าแม่กวนอิมหนานซาน ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางของวัดหนานซานแห่งเมืองซานย่า ประติมากรรมสามพักตร์ ด้านหนึ่งหันเข้าหาฝั่งแผ่นดินเกาะไหหลำ อีกสองด้านหันหน้าออกสู่ทะเลจีนใต้ เจ้าแม่กวนอิมหนานซานหากนับความสูงจากฐานจะสูงที่สุดของโลก

ส่วนในวันที่ 4 ของทริปศึกษาดูงานเดินทางกลับไปยั่งนครไห่โข่วด้วยรถไฟความเร็วสูงของจีน หลังจากในช่วงบ่ายไปดูงานที่ศูนย์ข้อมูลด้านพลังงานไห่หนาน (Hainan Energy Data Center) เสร็จแล้วในช่วงเย็นก็มีโอกาสแวะไปเดินซื้อฝาก สักการะเจ้าแม่ทับทิม ชมสถาปัตยกรรมบนถนนโบราณฉีโหลว (Qilou old street) เป็นย่านเก่าแก่ที่มีอาคารสไตล์โคโลเนียลผสมจีน และสถาปัตยกรรมเก่าที่มีสภาพดีที่สุดในจีน เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่ดังที่สุดของเมืองไหโข่ว และเป็นถนนโบราณที่ติดหนึ่งในสิบถนนสายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน โดยตัวของถนนโบราณฉีโหลวนั้นมีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร มีความยาวรวม 4.4 กิโลเมตร

สำหรับวัดเจ้าแม่ทับทิมที่อยู่บนถนนโบราณฉีโหลวนั้นถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวประมงและชุมชนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับทะเล เจ้าแม่ทับทิมเชื่อกันว่าให้พรเรื่องความปลอดภัยในการเดินเรือ การค้าขาย และความเจริญรุ่งเรือง นักท่องเที่ยวที่มาเดินถนนโบราณฉีโหลวก็ไม่พลาดโอกาสในการขอพรเจ้าแม่ทับทิม

การเดินทางในวันที่ 5 ของทริป ในช่วงเช้าก่อนไปดูงานสถานีไฮโดรเจนไห่โข่วก็มีโอกาสได้ไปเดินชมโรงถ่ายภาพยนตร์เฟิ่งเสี่ยวกัง (Feng Xiaogang Film Commune) ในเมืองไห่โขว่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่สนใจวัฒนธรรมและศิลปะภาพยนตร์จีน โรงถ่ายนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของเฟิ่งเสี่ยวกัง (Feng Xiaogang) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังชาวจีน โรงถ่ายแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ที่มีสถาปัตยกรรมและบรรยากาศจำลองจากยุคต่างๆ ของจีน เช่น ยุคสาธารณรัฐจีน (Republican Era) และหมู่บ้านชนบทโบราณ บางส่วนได้แรงบันดาลใจจากฉากในภาพยนตร์ของเฟิ่งเสี่ยวกัง เช่น If You Are the One และ Back to 1942

การเดินทางไปในที่ไม่เคยไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะไปศึกษาดูงาน ไปเที่ยว หรือทั้งดูงานและเที่ยวควบคู่กันไปล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต การเดินทางร่วมทริปศึกษาดูงานกับกฟผ.ตลอดระยะเวลา 6 วัน ณ เกาะไห่หนาน หรือไหหลำก็เช่นกันเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีและคุ้มค่ามากๆ เพราะได้เรียนรู้จากของจริง ซึ่งย่อมดีกว่าการฟังประสบการณ์ที่บอกเล่าจากผู้อื่น (การเดินทางถึงแม้จะเหนื่อย แต่ก็สุขใจกับการได้เรียนรู้และเห็นสิ่งใหม่ๆ เสมอ)